แนเชอรัล พาร์ค บรรลุข้อตกลงเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับแบงก์นครหลวงไทย โดยธนาคารชะลอขายทอดตลาดหลักประกันหุ้นสามัญของแปซิฟิค แอสเซ็ทส์-แสนสิริ โดยเตรียมเงินจากการขายหุ้นบริษัท ฟินันซ่าฯกว่า 45 ล้านบาท ปฎิบัติตามเงื่อนไขชำระเงินแก่ธนาคารวันนี้(15มิ.ย.) พร้อมยืนยันผู้จัดหาผู้ลงทุนในหุ้นบริษัทแสนสิริ มีนักลงทุนให้ความสนใจ คาดภายในสิ้นเดือนมิ.ย.จะชัดเจน เพื่อนำเงินมาชำระตามเงื่อนไขข้อ 2 แต่หากราคาไม่บรรลุเป้าหมาย ก็พร้อมหาทางออกขั้นตอนไป
นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-PARK เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศในหนังสือพิมพ์ขายทอดตลาดหุ้นสามัญบริษัท แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PA จำนวน 177,020,236 หุ้น และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI จำนวน 205,000,000 หุ้น ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทที่ได้นำมาจำนำเป็นประกันการชำระหนี้ต่อธนาคาร นั้น
ทั้งนี้ บริษัทได้ติดต่อขอเจรจากับธนาคารนครหลวงไทยเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2550 ซึ่งต่อมาวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารฯ ได้มีหนังสือแจ้งเงื่อนไขการชำระหนี้ถึงบริษัท โดยธนาคารฯจะชะลอการบังคับจำนำหุ้นโดยการขายทอดตลาดออกไปก่อน และได้ตกลงผ่อนผันการชำระหนี้ให้แก่บริษัท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
ภายในวันนี้ (15 มิ.ย.) บริษัทต้องชำระหนี้ให้แก่ธนาคารนครหลวงไทย เป็นเงินจำนวนไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท พร้อมทั้งค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายของธนาคารนครหลวงไทยอีก 641,850.20 บาท
ภายในวันที่ 16 กรกฎาคม 2550 ให้บริษัทชำระหนี้เพื่อไถ่ถอนจำนำหุ้นของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จำนวน 205 ล้านหุ้น ในราคาไถ่ถอนไม่น้อยกว่าจำนวน 615 ล้านบาท แต่ต้องไม่น้อยกว่าราคาขายสุทธิ และ/หรือ ไม่น้อยกว่าราคาหุ้นเฉลี่ย 90 วันย้อนหลังนับจากวันก่อนวันไถ่ถอน 3 วันทำการ แล้วแต่จำนวนใดที่สูงกว่า
ให้บริษัทชำระหนี้ส่วนที่เหลือให้เสร็จสิ้นทั้งจำนวนภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2550 พร้อมไถ่ถอนจำนำหุ้นสามัญของบริษัท แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำกัด (มหาชน) ที่เหลือทั้งหมด
กำหนดคิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR ต่อปี ตามประกาศของธนาคารนครหลวงไทย โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 เป็นต้นไป โดยในระหว่างนี้ให้ชำระดอกเบี้ยรายเดือนทุกเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น
และเมื่อลูกหนี้ชำระหนี้ตามเงื่อนไขดังกล่าวในข้อ 1 ถึงข้อ 3 เสร็จสิ้นครบถ้วน โดยไม่ผิดนัด ธนาคารนครหลวงไทย จะลดดอกเบี้ยปรับยอด ณ วันที่ 6 มิถุนายน 2550 จำนวน 235,641,617.43 บาทและดอกเบี้ยปรับที่เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2550 ให้ทั้งจำนวน
โดยในระหว่างการผ่อนชำระหนี้ตามกล่าวในข้อ 1 ถึงข้อ 3 ธนาคารนครหลวงไทยจะชะลอการบังคับจำนำหุ้นบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และหุ้นบริษัท แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำกัด (มหาชน) โดย
หากลูกหนี้ผิดนัดผิดสัญญาไม่ว่ากรณีใดกรณีหนึ่ง ให้ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด เงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ดังกล่าวข้างต้นเป็นอันยกเลิก โดยให้ลูกหนี้รับผิดเต็มจำนวนหนี้ โดยไม่ลดหนี้ให้ พร้อมให้คิดดอกเบี้ยผิดนัดตามประกาศของธนาคารนครหลวงไทย (ปัจจุบันเท่ากับ 20 % ต่อปี) และดำเนินการบังคับจำนำหุ้นสามัญขายทอดตลาด และบังคับชำระหนี้ตามกฎหมายต่อไปทันที
นายเสริมสินกล่าวว่า หลังจากที่ได้รับจดหมายจากธนาคารฯ ทางบริษัท แนเชอรัล พาร์คฯ ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อ 1 โดยการชำระหนี้ให้แก่ธนาคารนครหลวงไทยโดยทันที จำนวน 30 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้เตรียมเงินไว้แล้วด้วยการทยอยขายหุ้นบริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 7-12 มิถุนายน 2550 รวมเป็นจำนวน 4,774,800 หุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 9.50 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 45,385,415 บาท
ส่วนของการปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อ 2 ในเรื่องการขายหุ้นบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2550 บริษัทได้รับหนังสือแจ้งจากบริษัท แกรนท์ ธอนตัน จำกัด (Grant Thornton)ซึ่งเป็นผู้จัดหานักลงทุนที่มีความสนใจจะซื้อหุ้นแสนสิริว่า ขณะนี้กลุ่มนักลงทุนที่สนใจได้ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับบริษัทแสนสิริเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการจัดเตรียมข้อเสนอสุดท้ายเพื่อเสนอให้บริษัทภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2550 นี้
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหนี้สินระหว่างบริษัทกับธนาคารนครหลวงไทย ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญก็คือ การที่บริษัทต้องได้รับข้อเสนอที่ยุติธรรมจากกลุ่มนักลงทุนที่จัดหาโดย แกรนท์ ธอนตัน หากบริษัทไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการขายหุ้นแสนสิริได้ บริษัทก็จำเป็นจะต้องหาทางออกอื่นต่อไป
โดยหากนักลงทุนท่านใดต้องการเห็นภาพรวมและความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาของบริษัท สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.nparkfactandinfo.com
สำหรับแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า บริษัทแนเชอรัล พาร์คฯ ได้มีการขายหุ้นบริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน)หรือ FNS เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2550 จำนวน 3.45 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.79% ซึ่งเป็นการขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งผลให้บริษัทฯ ถือหุ้นFNSเหลือ9.69 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 7.84% ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 บริษัทฯได้มีการขายหุ้นFNS จำนวน 6.55 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 5.24% ซึ่งเป็นการขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯโดยเป็นการทำรายการขนาดใหญ่ (บิ๊กล็อต)ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ทำให้ภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ N-PARKถือหุ้นในFNSเหลือจำนวน 14.51 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 11.61%
|