Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน14 มิถุนายน 2550
"วิกรม"ดอดเก็บ"อมตะ"เพิ่ม5ล้านหุ้น             
 


   
www resources

โฮมเพจ อมตะ กรุ๊ป

   
search resources

อมตะ คอร์ปอเรชั่น, บมจ.
วิกรม กรมดิษฐ์




บิ๊กอมตะ "วิกรม กรมดิษฐ์" ฉวยจังหวะตลาดหุ้นซึม นำเงินปันผลเก็บหุ้นบนกระดานเพิ่มอีก 5 ล้านหุ้น มูลค่ารวมกว่า 78 ล้านบาท ชี้หากมีเงินสดพร้อมซื้อเพิ่ม จากมั่นใจศักยภาพบริษัท ยันไม่เห็นรายชื่อขายหุ้นออกมาแน่นอน ส่งผลให้ยอดซื้อตั้งแต่ปี 47 รวมทั้งสิ้น 17.23 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 272.98 ล้านบาท

ข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า นายวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ และในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ได้เข้ามาซื้อหุ้น AMATA เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2550 จำนวน 400,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.30 บาท มูลค่า 6.12 ล้านบาท

ในวันที่ 7 มิถุนายน 2550 ซื้อหุ้นอีก 2 รายการ จำนวน 100,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.70บาท มูลค่า 1.57 ล้านบาท และ3,335,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.80 บาท มูลค่า 52.69 ล้านบาท ในวันที่ 8 มิถุนายน 2550 ซื้อเพิ่มอีก 2 รายการ จำนวน 1,159,100 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.57 บาท มูลค่า 18.04 ล้านบาท และ 5,900 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.50 บาท มูลค่า 91,450 บาท รวมซื้อหุ้นจำนวน 5 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 78.52 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจากรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2)ของสำนักงานก.ล.ต.พบว่าในปี 2547 นายวิกรม ซื้อหุ้นจำนวน 1.53 ล้านหุ้น ช่วงราคาที่ซื้อ 9.58-11.95 บาท มูลค่ารวม 14.78 ล้านบาท ปี 2548 ซื้อหุ้นจำนวน 700,730 หุ้น ราคาหุ้นละ 14 บาท มูลค่า 9.81 ล้านบาท ปี 2549 ซื้อจำนวน 10 ล้านหุ้น ช่วงราคาที่ซื้อ 12-20 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่า 169.87 ล้านบาท ซึ่งหากรวมตั้งแต่ปี 2547-8 มิถุนายน 2550 ซื้อหุ้นรวม 17.23 หุ้น มูลค่ารวม 272.98 ล้านบาท

นายวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า การที่ตนเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทเพิ่มเนื่อง ตนเพิ่งได้รับเงินปันผลมาจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ได้นำไปใช้อะไรจึงเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัท จากรู้ว่าหุ้นหุ้นของบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ไม่มีโอกาสที่ขาดทุน และมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง และจากมั่นใจว่าอมตะเวียดนามในอนาคตนั้นจะมีการเติบโตที่ดีทั้งด้านขนาดการลงทุน โดยมองว่าอีก 10 ปีข้างหน้า อมตะเวียดนามจะมีขนาดใหญ่ มากกว่าอมตะไทย

รวมถึงการที่ช่วงนี้ตลาดหุ้นไม่ค่อยเคลื่อนไหวจึงเข้ามาซื้อ ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาตนก็ได้มีการเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทอย่างต่อเนื่องซึ่งใช้เงินซื้อหุ้นไปหลาย 100 ล้านบาท และไม่ได้มีการขายหุ้นออกมาเลย พอเมื่อตนมีเงินก็จะนำเข้ามาซื้อเพิ่มจากที่มีความมั่นใจและรู้จักอมตะเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันตนถือหุ้นในนามตัวเองจำนวน 250 ล้านหุ้น ซึ่งจะเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มอีกหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าตนมีเงินสดเหลือที่จะมาซื้อหุ้นเพิ่มได้ในช่วงไหน

"ผมเป็นเจ้าของอมตะและรู้จักอมตะดีโดยเป็นหุ้นที่ไม่มีโอกาสที่จะขาดทุน มีปันผลอย่างต่อเนื่องซึ่งสูงกว่าเงินฝากแบงก์และอนาคตนั้นอมตะที่เวียดนามก็จะมีการเติบโตอย่างมากและจะใหญ่มากว่าอมตะไทยแน่นอน ซึ่งตนมีเงินสดเมื่อไรก็จะนำมาซื้อเพิ่มต่อเนื่อง เช่น หากตนมีเงิน 100 บาท ก็จะนำมาซื้อหุ้นอมตะจำนวน 60-70 บาท "นายวิกรม กล่าว

สำหรับการที่มูลค่าการซื้อขายของบริษัทเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ 33.22 ล้านบาท ซึ่งตนมองว่าอยู่ในระดับที่ดีมากแล้ว ซึ่งปกติจะมีการซื้อขายอยู่ที่ 3-5 ล้านบาท ต่อวัน ซึ่งหุ้นของบริษัทจะเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว และเป็นหุ้นที่มีความผันผวนตามปัจจัยการเมือง โดยที่ผ่านมาการที่หุ้นของบริษัทมีการปรับตัวลดลง จากการเมืองที่ยังไม่นิ่ง แต่พอการเมืองเริ่มชัดเจนหุ้นของบริษัทก็จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่เหมือนกับหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ฯลฯ ที่นักลงทุนมีการซื้อขายทุกวัน

ส่วนการที่นักวิเคราะห์มีการแนะนำให้มีการขายออกมาจากการที่ราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าที่เหมาะสมนั้น อาจเป็นเพราะ ค่าP/Eของบริษัทสูง จากปีที่ผ่านมายอดขายของบริษัทปรับตัวลดลงจากปี 2548 สูงถึง 300% แต่จากการเมืองที่ชัดเจนมากขึ้นนั้นก็จะทำให้ยอดขายของบริษัทปรับดีขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us