|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ซีพีเอฟลั่น สิ้นปีโกยแชร์ตลาดอาหารแช่แข็งและสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน นั่งแท่นผู้นำไม่ต่ำกว่า 25% แทนพรานทะเล ตั้งแผนสู้ศึก อัดเม็ดเงินกว่า 100 ล้านบาท ลุยตลาดปีนี้ เสริมทัพเมนูใหม่ 7เมนู พร้อมโฟกัส Ready meal ชูเมนูใหม่จับนีชมาเก็ตมากขึ้น ล่าสุดเตรียมส่ง ติ่มซำ ดันเป้าอีกชั้น
นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า หลังจากทางบริษัทฯมีนโยบายในเรื่องของการสร้างแบรนด์ผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนทำให้ปี 2549 จากเดิมที่ผลิตสินค้าในรูปต้นน้ำ มาสู่ปลายน้ำด้วยการผลิตอาหารในรูปแช่แข็ง และอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน หรือ เรดดี้มีล ภายใต้แบรนด์ ซีพีเอฟ พบว่าผู้บริโภคให้การตอบรับเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ไก่แปรรูปแช่แข็ง 8 รสชาติ และเรดดี้มีลกว่า 7 เมนู ส่งผลให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดของอาหารแช่แข็งและอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานกว่า 17% ตามหลังพรานทะเลที่เป็นผู้นำตลาดที่มีส่วนแบ่งประมาณ 20-21%
“ความสำเร็จดังกล่าว ทำให้บริษัทฯมีแผนที่จะรุกตลาดมากขึ้นในปีนี้ โดยได้วางงบประมาณทางการตลาดไว้กว่า 100 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา สำหรับการสร้างแบรนด์และทำตลาดในปีนี้ นอกจากนี้จะเพิ่มจำนวนเมนูอาหารให้มีหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเรดดี้มีล ปีนี้จะมุ่งเน้นทำตลาดเป็นหลัก จากเดิมที่มีอยู่กว่า 7 เมนู จะเพิ่มอีกอย่างน้อย 4 เมนู คาดว่าจะส่งผลให้สิ้นปีมีส่วนแบ่งขยับขึ้นเป็น 25% คาดว่าจะเป็นผู้นำทางการตลาดแทนพรานทะเลได้”
นายสุพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดอาหารแช่แข็ง หรืออาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานของไทยมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่ละปีมีอัตราการเติบโตกว่า 30% โดยในปีนี้คาดว่าจะยังคงมีอัตราการเติบโตเป็นไปตามปกติ ถึงแม้สภาพการเมืองและเศรษฐกิจจะยังไม่ดีก็ตาม เนื่องจากเชื่อว่าส่วนหนึ่งเกิดจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป มีเวลาในการประกอบอาหารน้อยลง ขณะที่ผู้ประกอบการเองมีกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดมากขึ้น รวมไปถึงตลาดยังเล็กอยู่เมื่อเทียบกับต่างประเทศ
ทำให้ทางบริษัทฯจะมุ่งเน้นทำตลาดเรดดี้มีลมากขึ้น โดยจะมุ่งเน้นออกเมนูใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มมากยิ่งขึ้น เช่น เมนูสำหรับเวลาเช้า กลางวัน เย็น หรือ มีหลายหลายประเภทมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มขนมขบเคี้ยว หรือเป็นอาหารไทย ฝรั่ง และจีน ขณะที่ต้นปีที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ได้ออกเมนูใหม่ แล้วหลายรายการ เช่น สปาเก็ตตี้ไก่ ข้าวแกงเขียวหวานไก่ ข้าวกะเพราไก่ ส่วนเดือนมิถุนายนนี้ จะเพิ่มเมนูใหม่อีกหลายรายการ เช่น สปาเก็ตตี้ราดพริก ข้าวมัสมั่นไก่ ข้าวหน้าเปรี้ยวหวานปลา และบะหมี่เป็ดย่าง ราคาจำหน่ายประมาณ 49-59 บาท
ล่าสุดกำลังจะเปิดตัวเมนูใหม่ในกลุ่มอาหารจีน คือ ติ่มซำ ในช่วงไตรมาส 3 นี้ พร้อมกับ 4 เมนูใหม่ของเรดดี้มิล ภายใต้แบรนด์ ซีพีเอฟ ที่มีวางจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา รวมไปถึงช่องทางจำหน่ายอื่นๆที่จะขยายเพิ่มมากขึ้น จากเดิม ได้แก่ โมเดิร์นเทรด, ไฮเปอร์มาร์เก็ต และเอาท์เลทของซีพีเอฟ ซึ่งในส่วนของช่องทางโมเดิร์นเทรด มียอดขายเติบโตประมาณ 100% ทุกเดือน
นอกจากนี้ในส่วนของการทำตลาดต่างประเทศนั้น ทางบริษัทฯได้เริ่มวางจำหน่ายเกี๊ยวกุ้งแล้วในหลายๆประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส แคนาดาและอเมริกา ขณะที่ในฮ่องกงและสิงคโปร์ หลังทำการตลาด ปัจจุบันซีพีเอฟ มีส่วนแบ่งทางการตลาดไปแล้ว 20% ในฮ่องกง และมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 700% ในสิงคโปร์
|
|
|
|
|