Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2534
AT & T ยกสมุดหน้าเหลืองให้ชินวัตรฯ พร้อมเงินสด 370 ล้าน             

 


   
www resources

โฮมเพจ เอทีแอนด์ที (AT&T)

   
search resources

ชินวัตร
เอทีแอนด์ที
เชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์
Telephone




นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2543 เป็นต้นไปกิจการจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ (ไดเร็คทอรี่ส์) จะอยู่ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัทในเครือบริษัทชินวันคอมพิวเตอร์ จำกัด ทั้งนี้เป็นผลจากการเจรจาระหว่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร ประธานกลุ่มบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์กับทางบริษัท เอที แอนด์ ที อินเตอร์เนชั่นแนลที่มีตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว

เหตุผลสำคัญที่ทำให้เอทีแอนด์ที ต้องการที่จะถอนตัวจากธุรกิจสมุดโทรศัพท์ เพราะเป็นนโยบายจากบริษัทแม่ที่ไม่ต้องการจะทำธุรกิจด้านนี้ ซึ่งปัจจุบันยังเหลือเพียงประเทศไทยเท่านั้นที่บริษัทยังทำอยู่ตามสัมปทานที่ได้มาจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) และยังเหลือเวลาในสัญญาสัมปทานอีก 2 ปี

โดยที่บริษัทแม่ต้องการที่จะใช้ช่วงเวลาดังกล่าวทุ่มเทให้กับงานโครงการโทรคมนาคมที่ทำร่วมกับกลุ่มชินวัตร รวมถึงการคุ้มครองแรงงานของพนักงานกว่า 300 คน ภายหลังจากการสิ้นสุดสัญญากับทศท.แล้ว

ในขณะที่ ดร.ทักษิณ กล่าวถึงเหตุผลในการเข้าไปรับช่วงบริหารงานบริษัท เอทีแอนด์ที ไดเร็คทอรี่ส์ แทน ก็เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ และภาพพจน์ที่ดีกับเอทีแอนด์ที ทศท. และชินวัตรฯ เนื่องในปัจจุบันทั้ง 3 ฝ่ายมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันหลายเรื่อง (ชินวัตรฯ เป็นตัวแทนขายอุปกรณ์โทรคมนาคมของเอทีแอนด์ที และยังมีโครงการร่วมทุนกับเอทีแอนด์ทีอินเตอร์เนชั่นแนลทำเคเบิลใยแก้ว เพื่อซัพพลายให้กับซีพีในโครงการ 3 ล้านเลขหมาย)

นอกจากนี้ ผลกำไรโดยตรงที่จะได้จากการเข้าดำเนินกิจการ จากการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายลง จะทำให้บริษัทสามารถสร้างกำไรขึ้นมาได้ตลอดช่วง 2 ปีของสัญญากับทาง ทศท.หมด กรณีไม่มีการต่อสัญญาปัญหาเรื่องพนังกานทั้ง 300 กว่าคนของเอทีแอนทีจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากกลุ่มชินวัตรมีบริษัทในเครื่อข่ายมากพอที่จะรองรับบุคลากรจำนวนดังกล่าวนี้

ภายใต้ข้อตกลงกับบริษัทเอทีแอนด์ที กลุ่มบริษัทชินวัตรฯ เข้าบริหารงานโดยไม่ต้องลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทเอทีแอนด์ที อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทแม่ได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 40 ล้านบาทเป็น 1,033 ล้านบาทเพื่อใช้เป็นทุนในการสะสางหนี้เก่าที่มีอยู่เดิมกว่า 600 ล้านบาทและเพื่อรองรับการขาดทุนที่ประมาณการไว้จนถึงสิ้นสุดสัญญาในปี 2536 โดยชณะนี้มีเงินสดคงเหลือประมาณ 370 ล้านบาทและทรัพย์สินหมุนเวียนอื่น ๆ ประมาณ 130 ล้านบาทรวมเป็น 500 ล้านบาท

ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวนี้ได้ถูกโอนให้เป็นเงินทุนที่กลุ่มชินวัตรฯ จะนำไปใช้ในการบริหารงานในกิจการนี้ต่อไป

"อาจจะดูว่า เป็นเรื่องแปลกที่กลุ่มชินวัตรไม่ต้องจ่ายเงินในการเข้าไปเทคโอเวอร์บริษัทเอทีแอนด์ทีแม้แต่บาทเดียว แต่กลับได้เงินอีกจำนวนหนึ่งมาใช้ในการบริหารงานด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเจรจาบวกกับความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่มีต่อกัน ทำให้เอทีแอนด์ทียอมเป็นผู้ควักกระเป๋า ซึ่งเงินจำนวน 1,000 กว่าล้านบาทหรือประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถ้าจะพูดไปแล้ว ก็เป็นเงินเพียงเล็กน้อยสำหรับเอทีแอนด์ที ในการที่จะถอนตัวออกจากธุรกิจที่ตนเองไม่ต้องการจะทำอีกต่อไปให้ออกมาอย่างสวยงามที่สุด" ผู้บริหารคนหนึ่งของกลุ่มชินวัตรอธิบายเพิ่มเติม

สำหรับการจ่ายเงินค่าสิทธิ์หรือผลตอบแทนในปี 2534 ให้กับ ทศท. จำนวนประมาณ 290 ล้านบาท (43% ของรายได้ของบริษัทซึ่งคาดว่าจะอยู่ในราว 675 ล้านบาท) นั้นได้แบ่งจ่ายออกเป็น 4 งวด โดยงวดแรกทางบริษัทเอทีแอนด์ทีเป็นผู้จ่ายไปเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาจำนวน 56 ล้านบาท ส่วนงวดต่อไปเป็นหน้าที่ของทางชินวัตรฯ ซึ่งเมื่อวันที่ 5 เมษายนชินวัตรณ ก็ได้จ่ายเงินงวดที่ 2 ให้กับทศท.จำนวน 67 ล้านบาท

หลังจากการรับโอนกิจการแล้วสัดส่วนผู้ถือหุ้นในบริษัท เอทีแอนด์ที ไดเร็คทอรี่ส์ใหม่ประกอบด้วย บริษัทชินวัตร คอมพิวเตอร์ถือหุ้น 42% หจก.ไอซีเอสไอ (เป็นหจก.เดิมที่บริษัทชินวัตรฯ ถือหุ้นใหญ่ 90%) ถือหุ้น 20% ส่วนที่เหลืออีก 38% ถือหุ้นโดยบริษัทส่วนตัวของดร.ทักษิณ

ที่ผ่านมาธุรกิจสมุดโทรศัพท์มีภาระในการจัดพิมพ์สมุดหน้าขาวฟรีแก่ผู้ใช้โทรศัพท์ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นทุกปี สาเหตุเนื่องมาจากจำนวนเลขหมายโทรศัพท์ที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่สมุดโทรศัพท์หน้าขาวมีเพียงไม่กี่ร้อยหน้าและอยู่เล่มเดียวกัน ปัจจุบันเลขหมายโทรศัพท์มีทั้งหมดกว่า 1.3 ล้านเลขหมาย จึงต้องพิมพ์แยกถึง 2 เล่ม

ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เองที่มีผลต่อการขาดทุนในการบริหารงานของเอทีแอนด์ทีในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นนโยบายที่ดร.ทักษิณเน้นหนักในการรับช่วงบริหารงานต่อคือ พยายามลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการพิมพ์ พร้อมทั้งปรับปรุงการตลาดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจุดนี้จะทำให้ฐานะการเงินของบริษัทฯ ดีขึ้น

เชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ รักษาการกรรมการผู้จัดการบริษัทเอทีแอนด์ที ไดเร็คทอรี่ส์ อธิบายถึงแนวทางในการหารายได้เพิ่มว่า "เราจะเปลี่ยนวิธีการขายค่อนข้างมาก โดยหันไปจับลูกค้าใหม่ ๆ ซึ่งปัจจุบันธุรกิจที่ลงโฆษณาอยู่มีเพียง 12-13% เมื่อเทียบกับธุรกิจที่จดทะเบียนทั้งหมด ดังนั้นที่เหลืออีก 80% จึงเป็นตลาดเป้าหมายที่สำคัญ

ที่ผ่านมาการเติบโตของยอดขายโฆษณาในสมุดหน้าเหลืองเพิ่มขึ้นในอัตราที่สู่งมากคือ ในปี 2532 เพิ่มขึ้นจากปี 2531 ถึง 66% ในปี 2533 เพิ่มขึ้นอีก 42% และคาดว่าในปี 2534 นี้อัตราเพิ่มของยอดขายโฆษราจะอยู่ในราว 33-35% หรือประมาณ 675 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับงบโฆษณาโดยรวมผ่านทุกสื่อแล้ว โฆษณาในสมุดหน้าเหลืองมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% เท่านั้น และจากการคาดการณ์ของผู้บริหารชินวัตรฯ คาดว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้าสัดส่วนในแง่ของจำนวนเงินจะขึ้นไปถึง 8-10% นั่นหมายถึงยอดขายที่ตั้งเป้าไว้ถึง 1,050 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2536 อันเป็นปีสิ้นสุดสัญญากับ ทศท.

ส่วนเรื่องการต่ออายุสัมปทานนั้นในสัญญามีโอกาสต่อได้อีก 5 ปี แต่จะต่อสัญญาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างชินวัตรฯ กับทศท. ภายใต้เงื่อนไขใหม่ที่ชินวัตรฯ กำหนดคือ ผลตอบแทนที่จะให้กับ ทศท.ต้องไม่ใช่ตัวเลขที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ (ตลอดอายุสัญญา 5 ปีจ่าย 1,275 ล้านบาท)

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us