|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
LIVE แจงการใช้เงินลงทุนถี่ยิบ ย้ำลงทุนทุกครั้งมีคณะกรรมการลงทุนและตรวจสอบเป็นระยะเพื่อป้องกันความเสียหาย โดยกำหนดวงเงินการลงทุนในหลักทรัพย์ไม่เกิน 150 ล้านบาท ขณะที่ BLISS แจงบอร์ดบริษัทกำหนดนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และการเข้าลงทุนใน LIVE เพราะเป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง มีโอกาสในการทำกำไรและมีแผนงานแก้ไขปัญหาของธุรกิจชัดเจนมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งการลงทุนในหลักทรัพย์ไม่เรื่องผิดปกติวิสัย และสองบริษัทประกอบธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เชื่อความขัดแย้งทางผลประโยชน์ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
นายวิชัย เบญจพลาพร ประธาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (LIVE) ชี้แจงข้อมูลเงินลงทุนในหลักทรัพย์ตามงบการเงินไตรมาสแรกปีนี้ว่า
1. แนวทางและขั้นตอนการพิจารณาการลงทุนในหลักทรัพย์ โดยระบุ
1.1 นโยบายการลงทุน ขั้นตอน และหลักเกณฑ์การพิจารณาการลงทุนนโยบายการลงทุนบริษัทย่อย มี นโยบายการบริหารเงินสดเพื่อให้มีผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินกับสถาบันการเงิน และเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการทำรายได้อีกช่องทางหนึ่ง แต่บริษัทย่อยมิได้ละเลยความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุน จึงได้กำหนดให้มีมาตรการการบริหารความเสี่ยงด้วย การบริหารเงินสดดังกล่าว แบ่งออกเป็น
การลงทุนระยะสั้น เป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มีสภาพคล่องและให้ผลตอบแทนสูง รวมถึงการลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาล และการลงทุนระยะยาว เป็นการลงทุนในบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพ มีผลประกอบการดี เอื้อประโยชน์ต่อทั้ง ฝ่าย และสามารถคืนทุนได้ใน 3-5 ปี 2 ซึ่งมีคณะกรรมการควบคุมและตรวจสอบ พร้อมนำเสนอรายงานต่อคณะกรรมการบริษัทย่อยเป็นระยะ
โดยขั้นตอนการลงทุนคือกำหนดวงเงินการลงทุนในหลักทรัพย์ ไม่เกิน 150 ล้านบาท และต้องได้รับ อนุมัติจากคณะกรรมการการลงทุน พร้อมกับมีหน่วยงานตรวจสอบและบริหารความเสี่ยงควบคุมดูแล ซึ่งคณะกรรมการคือนายนพปฎล ปิติ-วงษ์ นายวิชัย เบญจพลาพร และนายสุทธิโรจน์ เอกธราพิพัฒน์
ทั้งนี้ การบริหารความเสี่ยงนั้น บริษัทกำหนดวงเงินรวมสำหรับเงินลงทุนในหลักทรัพย์ไม่เกิน 150 ล้านบาท และให้กรรมการ บ.ย่อย มีหน้าที่ควบคุมดูแลให้การดำเนินงานเป็นไป ตามนโยบายที่ได้รับอนุมัติ ตลอดรวม ถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการการลงทุน และคณะกรรมการควบคุมและตรวจสอบการลงทุนที่แยกออกจากกันและต้องรายงานประจำวันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในเงินลงทุนเป็นระยะ ซึ่งต้องแจ้งผู้บริหารระดับสูงรับทราบทันทีเมื่อราคาเปลี่ยนแปลงลดลงเกินกว่า 10% และต้องกำหนดแนวทางแก้ไขหากพบการเปลี่ยนแปลงเกิน 25% พร้อมให้คณะกรรมการควบคุมและตรวจสอบการลงทุนเสมอ และให้รายงานต่อคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการบริหาร LIVE รับทราบเป็นระยะ
2. แหล่งเงินทุนที่ LIVE และบริษัทย่อยใช้ลงทุน ซึ่งให้บริษัทย่อยกู้ยืมมาจากการเพิ่มทุน
3. เหตุผลในการตัดสินใจที่ LIVE และบริษัทย่อยใช้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่สูง (26.46% ของสินทรัพย์รวม) ในขณะที่ LIVE มีวัตถุประสงค์ว่าจะเพิ่มทุนไปเพื่อรองรับการขยายธุรกิจและสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งการลงทุนในหลักทรัพย์และพันธบัตร จึงเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินกับสถาบันการเงิน และบริษัทฯ ไม่มีภาระหนี้สินกับสถาบันการเงินแล้ว จึงมีเงินสดคงเหลือสำหรับรองรับการขยายธุรกิจ และสำรองเป็นเงินทุน หมุนเวียน
4. LIVE ได้ใช้เงินที่ได้รับจากการขายหุ้นเพิ่มทุนในระหว่าง ธ.ค. 49 และก.พ. 50 โดยใช้เงินจ่ายค่ามัดจำดาวเทียม 16.88 ล้านบาท จ่ายค่าเช่าอาคารสำนักงาน 3.67 ล้านบาท จ่ายค่าตกแต่งอาคารสำนักงาน 12.23 ล้านบาท จ่ายเงินเดือนพนักงาน 12.59 ล้านบาท จ่ายค่าเบี้ยประชุมกรรมการ 0.69 ล้านบาท และให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยเพื่อการลงทุน 162.00 ล้านบาท รวม 208.06 ล้านบาท
นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) (BLISS) ชี้แจงงบการเงินตามที่ ตลท. สอบถามเพิ่มเติมดังนี้
1. แนวทางและขั้นตอนการพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์
1.1. ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 12/2549 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2549 ได้กำหนดนโยบายการ ลงทุนและหลักเกณฑ์การพิจารณาลงทุนไว้คือ ให้บริษัทลงทุนในหลัก-ทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ/หรือ เป็นหลักทรัพย์ที่มีแผนในการปรับปรุงการดำเนินธุรกิจอย่างชัดเจน และมีศักยภาพดี ทั้งนี้ กำหนดให้หลักทรัพย์ที่ทำการซื้อขาย ณ ขณะใดขณะหนึ่งไม่เกิน 5 บริษัท
1.2. คณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้นายอรรถวิชญ์ เอกธนิต-พงษ์ กรรมการผู้จัดการเป็นผู้มีอำนาจ ในการทำธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ พร้อมทั้งกำหนดวงเงินซื้อขายหลัก-ทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง ต้องไม่เกินกว่าจำนวนทุนชำระแล้วของบริษัท ซึ่งปัจจุบันมี 315 ล้านบาท
1.3. บริษัทมีแนวทางในการบริหารความเสี่ยงในการลงทุนในหลักทรัพย์ คือ บริษัทจะพิจารณาจากลักษณะของธุรกิจแต่ละประเภทของหลักทรัพย์ แนวโน้มของธุรกิจนั้นๆ โดยคำนึงถึงผลประกอบการที่ผ่านมาและทิศทางการดำเนินธุรกิจในอนาคต รวมทั้งพิจารณาข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องและภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อหลัก-ทรัพย์นั้นก่อนตัดสินใจลงทุน
2. ในระหว่างไตรมาส 1 ปี 50 บริษัทมีมูลค่าการซื้อและมูลค่าการขายเงินลงทุนรวม 623.39 ล้านบาท และ 596.49 ล้านบาท ตามลำดับ โดยเงินใช้จากการบริหารเงินทุนหมุนเวียน ของบริษัท
3. รายการเงินลงทุนชั่วคราวใน LIVE ซึ่งตามหมายเหตุประกอบงบการ เงินข้อ 4 ระบุเป็นกิจการที่เกี่ยวข้องกันกับ BLISS เนื่องจาก ณ 3 เมษายน 50 ซึ่งเป็นวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อประชุมผู้ถือหุ้น ปรากฏว่าบริษัท อิน-เตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน)(IEC) เป็นผู้ถือหุ้นในBLISS 19.33% และในขณะเดียวกันได้ถือหุ้นใน LIVE 1.09% จึงได้มีการจัด LIVE เป็นกิจการที่มีผู้ถือหุ้นรวมกัน ซึ่งบริษัทฯชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินลงทุนชั่วคราวใน LIVE ดังนี้
3.1. แม้ว่า LIVE จะมีผลประกอบการขาดทุนและไม่มีการจ่ายเงินปันผลมาตั้งแต่ปี 40 แต่ BLISS เห็นว่า LIVE เป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่งมีโอกาสในการทำกำไรได้ อีกทั้งมีแผนงานในการแก้ไขปัญหาของธุรกิจที่ชัดเจน และการดำเนินธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยปี 49 LIVE ได้ลดทุนเพื่อล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้นและผลขาดทุนสะสม และได้รับเงินจากการเพิ่มทุนกว่า 350 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน และใช้ลงทุนในการขยายกิจการ
สำหรับประเด็นที่ ตลท. ระบุว่า ทั้ง BLISS และ LIVE มีผู้ถือหุ้นร่วมกัน BLISS มีแนวทางดูแลมิให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ซึ่ง BLISS แจงว่า การที่บริษัท LIVE หรือ บริษัทอื่นที่จดทะเบียนในตลาดหลัก-ทรัพย์ฯ จึงอาจมีผู้ถือหุ้นซึ่งมิใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซ้ำซ้อนกันในบางช่วงเวลา บางขณะหรือตลอดเวลานั้น เป็นสิ่งนอกเหนือที่บริษัทจะทราบได้ เนื่องจากการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เป็นไปตามหลักอุปสงค์และอุปทานของผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งเป็นอิสระของแต่ละบุคคลในตลาด เสรีตามเจตนารมณ์ของการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกทั้งผู้ถือหุ้น ดังกล่าวก็มิได้มีอำนาจควบคุมดูแลหรือมีอำนาจในการบริหารจัดการธุรกิจ ของบริษัทและ LIVE แต่ประการใดประกอบกับเหตุผลที่ทั้งสองบริษัทก็มี การประกอบธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บริษัทจึงเห็นว่าโอกาสที่จะเกิด ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
3.2 รายการกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน 4.76 ล้านบาท เกิดขึ้นจากการซื้อขายหลักทรัพย์ LIVE โดยผ่านระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ตามปกติของตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทจึงมิอาจทราบชื่อคู่กรณีที่ทำรายการ หรือความสัมพันธ์ใดๆ ที่มีต่อบริษัทได้
3.3 เนื่องจากบริษัทมีนโยบาย และหลักเกณฑ์ในการพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์ด้วยตนเอง ไม่ได้มีการตัดสินใจร่วมกับผู้อื่น หรือมีบุคคลผู้มีอำนาจตัดสินใจในการลงทุนเป็นรายเดียวกับของผู้อื่นแต่อย่างใด ดังนั้น การที่นิติบุคคลอื่นจะใช้เหตุผล อะไรในการตัดสินใจลงทุนในหลัก-ทรัพย์เดียวกันกับที่บริษัทเข้าไปลงทุน บริษัทย่อมมิอาจล่วงรู้ได้เพราะเป็นสิทธิและอำนาจของแต่ละนิติบุคลในการใช้ดุลพินิจ ตามนโยบายและหลักเกณฑ์ของตน อีกทั้ง หลักทรัพย์ของ LIVE ก็เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้นการลงทุนในหลักทรัพย์เดียวกันก็มิใช่เรื่องผิดปกติวิสัย
4. ตามที่บริษัทได้แจ้งวัตถุ- ประสงค์ในการใช้เงินที่ได้รับจากการขายหุ้นเพิ่มทุนรวม 223 ล้านบาท สำหรับขยายธุรกิจของบริษัทโดยการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมในปี 50 ประมาณ 30 สาขา โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50-70 ล้านบาท ส่วนที่เหลือบริษัทจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ใน ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทใช้เงินเพื่อ เปิดสาขาใหม่ 6 แห่ง 12.91 ล้านบาท เป็นทุนหมุนเวียน 153 ล้านบาท และเงินเพิ่มทุนที่เหลือ 57.09 ล้านบาท สำรองไว้สำหรับขยายธุรกิจ
|
|
|
|
|