เอไอเอรุกตลาดวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SME ที่มีโอกาสทางการตลาดสูงถึง 9 ล้านคน หลังประสบความสำเร็จกับตลาดข้าราชการจากโครงการประกันชีวิตเปี่ยมสุข ที่มีสมาชิก กบข. เข้าร่วมโครงการมากกว่า 200,000 คน พิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตผ่านโครงการออมทรัพย์รายเดือนภาคเอกชนได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 3 เดือน
นายโทมัส เจมส์ ไวท์ รองประธานบริหารระดับสูงและผู้จัดการทั่วไป บริษัท อเมริกัน อินเตอร์ แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) เปิดเผยว่า “บริษัทได้จัดโครงการพิเศษ “โครงการออมทรัพย์ภาคเอกชน”ขึ้น โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายตลาดวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SME เพราะมองเห็นโอกาสทางการตลาดที่มีอยู่สูงมาก เนื่องจากในปัจจุบันประเทศไทยมีบริษัทห้างร้านที่ทำธุรกิจ SMEs มากกว่า 2.2 ล้านราย คิดเป็นพนักงานประมาณ 9 ล้านคน“
สำหรับแบบกรมธรรม์ที่นำเสนอผ่านโครงการออมทรัพย์ภาคเอกชน มร.โทมัส ไวท์ กล่าวว่า “บริษัทได้คัดเลือกแบบกรมธรรม์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด 6 อันดับแรกและแบบกรมธรรม์ใหม่ Retire60P80 พิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อกรมธรรม์ผ่านโครงการนี้จะได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุในวงเงิน 100,000 บาทฟรี 3 เดือน”
ทั้งนี้ กรมธรรม์ที่นำเสนอในโครงการออมทรัพย์ภาคเอกชน มี 7 แบบ ประกอบด้วย 1.แบบตลอดชีพชำระเบี้ยประกันภัย 20 ปี (มีเงินปันผล) เป็นกรมธรรม์เบี้ยประกันต่ำที่ชำระเบี้ยประกัน 20 ปีแต่ให้ความคุ้มครองที่สูงและยาวนานถึงอายุ 99 ปี 2.แบบสะสมทรัพย์ 25 ปีชำระเบี้ยประกันภัย 15 ปี (มีเงินปันผล) หรือ 15pay25 เป็นกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันจะได้รับเงินสดคืน 1% ของทุนประกันเริ่มต้นตั้งแต่ปีกรมธรรม์ที่ 2-24 และ ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 5, 10, 15, 20, 25 รับเงินสดคืนอีก 1.9% ของทุนประกันเริ่มต้น และในปีกรมธรรม์ที่ 25 ซึ่งเป็นปีสิ้นสุดสัญญากรมธรรม์ รับเงินสดคืนอีก 121% ของทุนประกันเริ่มต้น รวมผลประโยชน์ที่ได้รับทั้งสิ้น 153.5% ของทุนประกัน
3.แบบสะสมทรัพย์ครบอายุ 55 ปี (มีเงินปันผล) เป็นกรมธรรม์สะสมทรัพย์ที่ผู้เอาประกันจะได้รับเงินปันผลตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 2 เป็นต้นไปจนครบอายุสัญญาที่อายุ 55 ปี 4.แบบสะสมทรัพย์ 42 ปี ชำระเบี้ยประกันภัย 21 ปี (มีเงินปันผล) หรือ E445 เป็นกรมธรรม์ที่เน้นการคุ้มครองชีวิตควบคู่กับการสะสมทรัพย์ ที่มีจุดเด่นคือชำระเบี้ยประกัน 21 ปี แต่ให้ความคุ้มครองนาน 42 ปี ทุก 3 ปีจนถึงสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 21 คือในปีกรมธรรม์ที่ 3, 6, 9, 12, 15, 18, 21 ผู้เอาประกันจะได้รับเงินสดคืน 5% ของทุนประกัน และตั้งแต่ปีกรมธรรม์ที่ 22-42 ผู้เอาประกันจะได้รับเงินสดคืน 10% ของทุนประกันทุกปี และในปีกรมธรรม์ที่ 42 ซึ่งเป็นปีสิ้นสุดสัญญากรมธรรม์ ผู้เอาประกันจะได้รับผลประโยชน์อีก 200% ของทุนประกันเริ่มต้น รวมผลประโยชน์ที่ผู้เอาประกันได้รับคือ 445% ของทุนประกัน
5.แบบสะสมทรัพย์ 20 ปีทวีคูณ (มีเงินปันผล) เป็นกรมธรรม์สะสมทรัพย์ 20 ปีมีเงื่อนไขจ่ายคืนทุก 2 ปี (มีเงินปันผล) โดยในปีกรมธรรม์ที่ 2, 4, 6 ผู้เอาประกันจะได้รับเงินสดคืน 4% ของทุนประกัน ในปีกรมธรรม์ที่ 8, 10, 12 รับเงินสดคืน 5% ของทุนประกัน และในปีกรมธรรม์ที่ 14, 16, 18 รับเงินสดคืน 6% ของทุนประกัน ในปีที่ 20 ซึ่งเป็นสิ้นสุดสัญญากรมธรรม์ รับเงินสดคืนอีก 155% ของทุนประกัน ทั้งนี้ ผู้เอาประกันจะได้รับเงินปันผลตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 2 เป็นต้นไป รวมผลประโยชน์ที่ผู้เอาประกันจะได้รับประมาณ 215% ของทุนประกัน
6.แบบสะสมทรัพย์ 20 ปี มีเงื่อนไขจ่ายคืนทุก 2 ปี เป็นกรมธรรม์สะสมทรัพย์ 20 ปีมีเงื่อนไขจ่ายคืนทุก 2 ปี (มีเงินปันผล) โดยในปีกรมธรรม์ที่ 2, 4, 6 ผู้เอาประกันจะได้รับเงินสดคืน 4% ของทุนประกัน ในปีกรมธรรม์ที่ 8, 10, 12 รับเงินสดคืน 5% ของทุนประกัน และในปีกรมธรรม์ที่ 14, 16, 18 รับเงินสดคืน 6% ของทุนประกัน ในปีที่ 20 ซึ่งเป็นสิ้นสุดสัญญากรมธรรม์ รับเงินสดคืนอีก 155% ของทุนประกันพร้อมเงินปันผลอีกประมาณ 10% รวมผลประโยชน์ที่ผู้เอาประกันจะได้รับประมาณ 210% ของทุนประกัน
และ 7.แบบทรัพย์บำนาญ มีเงินจ่ายคืนรายงวด (มีเงินปันผล) เป็นกรมธรรม์ที่ออกแบบพิเศษเพื่อการวางแผนทางการเงินในวัยเกษียณ โดยผู้เอาประกันชำระเบี้ยประกันถึงอายุ 60 ปีแต่ได้รับความคุ้มครองถึงอายุ 80 ปี พร้อมรับเงินคืนรายงวด 30% ของทุนประกันชีวิตเมื่ออายุ 60 ปี และรับเงินคืนรายงวดอีก 15% ของทุนประกันทุกปีตั้งแต่อายุ 61-80 ปี
นายโทมัส ไวท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า SME ถือเป็นหนึ่งในกระดูกสันหลังของธุรกิจโดยรวมของประเทศที่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยมีความมั่นคงมากขึ้น ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้จัดโครงการออมทรัพย์ภาคเอกชนที่มีส่วนช่วยให้ผู้ที่อยู่ในธุรกิจ SMEs ได้สร้างหลักประกันทางการเงินให้มั่นคงมากยิ่งขึ้น
|