Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน8 มิถุนายน 2550
ธอส.เล็งขนสินเชื่อ5แสนล้านขายหวังหาเงินปล่อยกู้รอบใหม่-รับต้นทุนสูง             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารอาคารสงเคราะห์

   
search resources

ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ขรรค์ ประจวบเหมาะ
Loan




ธอส. เตรียมนำสินเชื่อกว่า 5 แสนล้านบาท ทำซีเคียวรีไทเซชั่นออกขายให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หวังหาเงินปล่อยกู้ใหม่ รับต้นทุนสูงกว่าวิธีอื่น แต่หากทำต่อเนื่องต้นทุนถูกลง ล่าสุดเตรียมคัดเลือกที่ปรึกษาด้านการเงินภายในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ ก่อนเสนอต่อกระทรวงคลังต่อไป คาดจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2551 เผยหลังปรับลดดอกเบี้ยเหลือ 4.99% ตั้งแต่ 9 พ.ค.มีประชนกู้แล้ว 2,000 ล้านบาท

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. เตรียมนำสินเชื่อคุณภาพดีที่มีอยู่ประมาณ 500,000-600,000 ล้านบาท อายุสินเชื่อระหว่าง 5-7 ปี มาทำการแปลงเป็นตราสารออกขายให้กับสถาบันและนักลงทุนที่สนใจ (ซีเคียวรีไทเซชั่น) ทั้งนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ ในวงเงินประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ การทำซีเคียวรีไทเซชั่น ดังกล่าวจะทำให้ ธอส. ได้เงินอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาวเข้ามา เพื่อนำปล่อยสินเชื่อใหม่ได้อีก โดยยอมรับว่าการทำซีเคียวรีไทเซชั่นในครั้งแรกจะมีต้นทุนที่สูงกว่าการระดมเงินในวิธีอื่น เนื่องจากต้องมีการสวอ๊ปเงินจากต่างประเทศเข้ามา แต่หากดำเนินการอย่างต่อเนื่องจะทำให้ต้นทุนถูกลง

สำหรับขั้นตอนการดำเนินงาน ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างจัดหาที่ปรึกษาทางการเงิน ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการนำสินเชื่อแปลงเป็นตราสารออกขาย โดยจะสามารถคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงินได้ภายในสินเดือนนี้ และเมื่อได้ผู้ทำหน้าที่ดังกล่าวแล้ว ก็ทำการเสนอขออนุมัติจากกระทรวงการคลังต่อไป ซึ่งคาดว่าขั้นตอนต่าง ๆ จะเริ่มต้น และแล้วเสร็จต้นปีหรือกลางปี 2551

"ในช่วงเวลาดังกล่าว ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น ร่างรัฐธรรมนูญก็จะผ่านพ้นไป มีการตั้งรัฐบาลใหม่ และนักลงทุนก็พร้อมจะลงทุน" นายขรรค์กล่าว

สำหรับกลุ่มที่เสนอเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน มี 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรก ประกอบด้วย ฮ่องกงแบงก์ เอบีเอ็นแอมโร และธนาคารพาณิชย์ไทย กลุ่ม 2 ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และธนาคารพาณิชย์ไทย กลุ่ม 3 รอยัลแบงก์ออฟสกอตแลนด์ และทิสโก้ กลุ่มสุดท้าย โตเกียว มิตซูบิชิ และดอยช์แบงก์

พร้อมกันนี้นายขรรค์ ยังแสดงความเห็นว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีแก้ไขประกาศ คปค.ให้นักการเมืองจัดกิจกรรมทางการเมืองได้ สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักลงทุนมากขึ้น แต่คงต้องรอดูการลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งปลายปีนี้จนมีรัฐบาลใหม่ ความมั่นใจก็จะเพิ่มขึ้น สำหรับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คงต้องดูไปอีกประมาณ 2 เดือน ว่าจะมีแนวโน้มอย่างไรบ้าง

นอกจากนี้ ธอส. ยังได้ปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยลงจาก 6% เหลือ 4.99% ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 2,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการตอบรับอย่างดี เนื่องจากประชาชนต้องการดอกเบี้ยคงที่ ส่วนผลการปล่อยสินเชื่อในรอบ 5 เดือน ธอส. ปล่อยไปแล้วกว่า 35,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 95,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังจะมียอดขอสินเชื่อเข้ามามากกว่าครึ่งปีแรก

ส่วนโครงการที่เป็นมาตรการพยุงเศรษฐกิจ คือ โครงการบ้านหลังแรก ที่คิดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน 4.99% ว่าขณะนี้หลักเกณฑ์ที่มีอยู่กำหนดให้บ้านหลังแรกจะกู้ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท เห็นว่าเป็นหลักเกณฑ์ที่ไม่เปิดกว้าง จึงเพิ่มวงเงินเป็นหลังละ 3 ล้านบาท แต่จะจำกัดวงเงินปล่อยกู้รวมไม่เกิน 20,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ธอส.ยังอยู่ระหว่างพิจารณาช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนที่ซื้อบ้านเอื้ออาทร ให้วงเงินการผ่อนชำระลดลง จากปัจจุบันผ่อนเดือนละ 2,400 บาท โดยจะพิจารณาให้เหลือไม่เกิน 2,000 บาทต่อเดือน คงที่ 3 ปี คาดว่าจะมีผลภายในสิ้นเดือนนี้ สำหรับสินเชื่อบ้านเอื้ออาทรที่จะขอกู้กับ ธอส. ภายในปีนี้ จะมีทั้งสิ้น 20,000 หน่วย หน่วยละ 400,000 บาท รวมเป็นวงเงินขอสินเชื่อ 8,000 ล้านบาท

ล่าสุดนายขรรค์ ยังได้เป็นประธานเปิดคาน์เตอร์การเงินที่ JJ Mall จตุจักร เพื่อเพิ่มจุดบริการให้แก่ลูกค้า ของ ธอส. โดยเค้าเตอร์การเงินดังกล่าวจะเปิดให้บริการทุกวันไม้เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 10.30-20.00 น.   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us