เมื่อ 8 ปีที่แล้ว บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ขยายการลงทุนการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เซลลูลาร์ไปยังสาธารณรัฐกัมพูชา โดยเริ่มจากเงินทุนประมาณ 200-300 ล้านบาท เข้าไปก่อตั้ง 2 บริษัทด้วยกัน บริษัทแรกคือ บริษัท แคมโบเดียสามารถ คอมมูนิเคชั่น จำกัด เพื่อเริ่มดำเนินการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเครือข่าย NTM 900 และพัฒนามาสู่ GSM "Hello" และบริษัท สามารถแคมโบเดีย จำกัด เป็น บริษัทเทรดดิ้ง ที่ให้บริการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมีอายุสัมปทานเบื้องต้น 10 ปี

"ตอนสามารถคอร์ปอเรชั่นเข้าตลาดหลักทรัพย์ไทยใหม่ๆ ก็คุยกับธวัชชัยว่า น่าไปเสี่ยงดวง ที่เขมรดู ตอนนั้น เขมรยังรบกันไม่จบ วุ่นวายมาก กว่าจะได้ใบอนุญาตต้องใช้เวลานานมาก แต่ในที่สุดก็ได้มาโดยมีอายุสัมปทาน 10 ปี" เจริญรัฐ วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เล่าถึง ที่มาในการเข้าไปลงทุนในกัมพูชา ซึ่งไม่ใช่เรื่อง ที่ง่ายนักสำหรับนักธุรกิจไทย และก่อนหน้าที่กลุ่มสามารถจะเข้าไปลงทุน ได้มีบริษัท แคมเทล ซึ่งเป็น บริษัทลูกในเครือของซีพีเข้าไปลุยเดี่ยวก่อนแล้ว โดยให้บริการในระบบ NMT 900 และกลุ่มสามารถเข้าไปเป็นกลุ่ม ที่ 2 จากนั้น ก็มีบริษัทไทยตามกันเข้าไปอีก ได้แก่ บริษัทในกลุ่มชินวัตร ให้บริการระบบ NMT 450 และ GSM 1800 ปัจจุบันนอกจากมีบริษัทไทย เข้าไปลงทุนให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แล้ว ยังมีบริษัท ไตรเซลคอม บริษัทเทเลคอมสัญชาติมาเลเซีย เข้าไปลงทุนให้บริการระบบอีแทคอนาล็อก เหมือน ที่ใช้ในประเทศอังกฤษด้วย นอกจากนั้น ยังมีบริษัท โมบิเทล ซึ่งเป็นบริษัทท้องถิ่น เจ้าของเป็นชาวกัมพูชา ที่ไปเติบโตในออสเตรเลียร่วมทุนกับนักลงทุนจากเดนมาร์ก และถือเป็นบริษัทคู่แข่งรายสำคัญของแคมโบเดียสามารถ

ต่อมาในปี 2541 แคมโบเดียสามารถได้ขอขยายอายุสัมปทานจาก 10 ปี เป็น 35 ปี โดยมีเงื่อนไขการจ่ายค่าสัมปทานให้กับกระทรวง ไปรษณีย์ และโทรคมนาคมของกัมพูชาในอัตรา 7% ของ 3 ปีแรก 12% ใน 3 ปีต่อมา และ 15% ตลอดอายุสัมปทาน ที่เหลือ นอกจากนั้น ยังได้รับ อนุญาตจากทางการกัมพูชาเปิดให้บริการในระบบ GSM ได้ด้วย แต่ก็ยังช้ากว่าโมบิเทลถึง 18 เดือน

18 เดือนที่โมบิเทลช่วงชิงตลาดไป ไม่ได้ทำให้กลุ่มสามารถท้อถอย ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยเริ่มให้บริการ Pre-Paid Card ซึ่งเป็นบริการที่ ลูกค้าสามารถนำเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรุ่นทุกยี่ห้อมาใช้ Sim Card ของสามารถได้ทันที โดยบริษัทฯ จะมีรายได้หลักจากค่าเลขหมาย ซึ่งมี อัตราประมาณ 100 เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งเลขหมาย

การให้บริการ Pre-Paid Card ของแคมโบเดียสามารถ สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้แก่กลุ่มโมบิเทล ถึงขั้นฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นเรื่องราวใหญ่โต เสียเวลาไปเกือบครึ่งปีคือ ตั้งแต่ 7 มิ.ย.- 26 ต.ค. 42 แต่ในที่สุด แคมโบเดียสามารถก็เอาชนะได้ โดยศาลมีคำสั่งให้แคมโบเดีย สามารถให้บริการ Pre-Paid Card ได้ ทำให้เริ่มบริการต่อได้เมื่อประมาณ เดือนพ.ย. ที่ผ่านมานี้เอง

และต่อจากนี้ แคมโบเดียสามารถจะใช้ Pre-Paid Card เป็นตัวชูโรง ในการทำตลาดในปีค.ศ.2000 โดยช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เจริญรัฐกล่าวถึง ตัวเลขลูกค้าว่ามีเพิ่มขึ้นถึง 3,000 ราย ส่วนยอดผู้ใช้บริการรวมของแคมโบเดียสามารถ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พ.ย.42 มีทั้งสิ้นประมาณ 27,342 ราย แบ่งเป็นผู้ใช้บริการระบบ NMT 900 จำนวน 23,191 ราย และผู้ใช้บริการระบบ GSM ประมาณ 4,151 ราย จากจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในกัมพูชา 80,000 ราย ซึ่งมีจำนวนมากกว่าผู้ใช้โทรศัพท์พื้นฐาน ที่มีอยู่เพียง 30,000-40,000 ราย ทั้งนี้กัมพูชามีประชากรทั้งสิ้น 11 ล้านคน

"ขณะนี้เราลงทุนในเขมรไปแล้วประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นระบบ NMT และ GSM อย่างละครึ่งๆ และแผนเราต่อจากนี้ เราจะลงทุนต่อไปให้ครอบคลุมทุกจังหวัดในเขมรในปี"43 นี้" เจริญรัฐยืนยัน และ ตอนนี้แคมโบเดียสามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่ 11 จังหวัด จาก 20 จังหวัด และมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 12 ล้านเหรียญฯ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัดภายในปี 2543 นี้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.42 ที่ผ่านมา แคมโบเดียสามารถได้ทำพิธีเปิด ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ GSM "Hello" อย่างเป็นทางการ และเปิด อาคาร GSM Switching Center ซึ่งเป็นอาคารวางอุปกรณ์สวิตชิ่งของ บริษัท แคมโบเดียสามารถ พร้อมทั้งประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานใหม่ด้วย

โดยพิธีการดังกล่าวนั้น มี ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชามาเป็นประธานในพิธี ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของการทำธุรกิจในประเทศนี้ของกลุ่มสามารถ เนื่องจากไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ฮุนเซนจะมาร่วมพิธีได้ และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ที่นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เดินทางมาร่วมพิธีเปิดงาน ให้กับบริษัทเอกชนต่างชาติกลุ่มธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม เจริญรัฐเล่าว่า "ต้องมีการเชิญไปหลายครั้งมาก และมีการเลื่อนไปเลื่อนมาตลอด เนื่องจากเวลาไม่ตรงกัน แต่ในที่สุดท่านก็มา และการมาในครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณเตือนคู่แข่งเราด้วยว่า เรามีแบ็กอัพที่ดีเหมือนกัน"