Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2534
ดุสิตธานีกรุ๊ป ยิ่งขยายยิ่งโตในยุคชนินทร์ โทณวณิก             
 


   
search resources

ดุสิตธานี, บมจ.
ชนินทร์ โทณวนิก
Hotels & Lodgings




ในช่วงระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ ดุสิตธานีกรุ๊ปได้เกิดขึ้นและขยายกิจการในรูปของการร่วมทุนหรือรับบริหารไปยังหลายจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว อาทิเช่น ดุสิตอินน์ที่เชียงใหม่ ดุสิตรีสอร์ทแอนด์โปโลคลับที่ชะอำ ดุสิตรีสอร์ทพัทยา ดุสิตลากูน่าที่ภูเก็ต ดุสิตไอส์แลนด์เชียงราย และดุสิตเจ.บี.ที่หาดใหญ่

กุญแจที่ไขไปสู่ความสำเร็จของดุสิตธานีที่มีประสบการณ์เก่าแก่ 45 ปี ชนินทร์ โทณวณิก EXECUTIVE DIRECTOR กล่าวไว้ว่ามีอยู่ 3 ประการด้วยกัน คือ หนึ่ง ทำเลที่ตั้งโรงแรม สอง การตลาดที่สนองตอบต่อความต้องการของลูกค้า และสาม ฝ่ายบริหารและทีมงาน

"ถ้าสามอย่างนี้ดี จะโตเท่าไหร่ก็โตได้ แต่ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งมีปัญหาก็ยาก" ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ดุสิตธานีกรุ๊ปจึงเข้าไปร่วมบริหารโรงแรมเจ.บี.ที่หาดใหญ่ของตระกูลบุญสูง ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีศักยภาพเติบโตในเมืองหาดใหญ่ โดยทางดุสิตธานีกรุ๊ปได้เข้าไปเสริมด้านทีมงานขาย และฝึกอบรมบุคลากร

"สิ่งที่เราจะให้เขาได้มากที่สุดก็คือ ทางด้านเครือข่ายเท่านั้นเอง เพราะเรามีลูกค้าจากโรงแรม 8-9 แห่งที่จะป้อนให้เขาทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว ยกตัวอย่าง โรงแรมพริ๊นเซสที่หลานหลวง ซึ่งมีข้าราชการใช้มาก ต่อไปถ้าหากลูกค้าจะไปหาดใหญ่ เราก็แนะนำให้ไปอยู่โรงแรมในกรุ๊ปของเรา" นี่คือการใช้เครือข่ายโรงแรมที่ชนินทร์เล่าให้ฟัง

การเติบใหญ่ของดุสิตธานีกรุ๊ปได้นำชนินทร์ โทณวณิก บุตรชายของชนัตถ์ ปิยะอุย เข้ามาสู่กิจการครอบครัว หลังจากที่เขาได้จบการศึกาาจากอังกฤษและจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยบอสตัน และคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนในปี 2525

เป็นเวลาสามปีเต็มที่ชนินทร์ได้ทุ่มเทในอาชีพการสอนที่เขารักเป็นชีวิตจิตใจ และในที่สุดชนินทร์ก็ต้องละทิ้งงานสอนหนังสือก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารระดับสูงของดุสิตธานีกรุ๊ป

จากประสบการณ์การบริหาร ชนินทร์ได้เอ่ยถึงสภาวะการณ์แข่งขันสูงสุดที่เกิดขึ้นขณะนี้ คือ ที่พัทยา ซึ่งตลาดส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย ผู้บริหารดุสิตรีสอร์ทพัทยานี้คือ สุรกาญจน์ กิจการที่มีฝีไม้ลายมือในการขับเคี่ยวกับคู่แข่งอย่างโรงแรมรอยัลคลิฟ

"แต่ตอนนี้โรงแรมที่ใกล้เคียงเรามากที่สุด คือ สยามลอดจ์ ซึ่งราคาของเขาถูกกว่าเรามาก ทั้งที่เขาเล่นกลุ่มลูกค้าระดับสูงเป็นส่วนใหญ่" ชนินทร์เล่าให้ฟัง

ปีหนึ่ง ๆ ดุสิตธานีกรุ๊ปจะต้องจ้างพนักงานเพิ่มปีละไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันคนจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน 5 พันกว่าคน จุดแข็งของดุสิตธานีทุกวันนี้จึงอยู่ที่บุคลากร แนวความคิดการสร้างโรงแรมผลิตคนให้ได้มาตรฐานการบริการชั้นสูงของชนัตถ์ ปิยะอุยที่ฝันไว้นานหลายปีก็คาดว่าจะสร้างเสร็จปลายปีหน้า

ทั้งนี้เพื่อป้อนให้เพียงพอกับการเติบโตของกลุ่มดุสิตธานีที่มีโครงการขยายตัวและในปี 2536 เป็นที่คาดว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมโรงแรมทั้งหมดต้องตกอยู่ในสภาพน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะกับโรงแรมระดับสี่ถึงห้าดาวที่เกิดขึ้นใหม่ เพราะปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีการประมาณว่า จำนวนห้องพักที่เกิดขึ้นใหม่ 3-4 หมื่นห้องมีความต้องการบุคลากรโรงแรมถึง 75,000 คน

"เฉพาะดุสิตธานีกรุ๊ปของเราที่ต้องการเพิ่มก็ประมาณ 3,500 คน แต่ปัญหาที่เราประสบก็คือ หาคนได้ยากมาก ทั้ง ๆ ที่เราอยู่ในธุรกิจนี้มา 45 ปีแล้ว แล้วคนอื่นล่ะ ?" ชนินทร์กล่าว

ถึงกระนั้น การเติบโตสู่ภูมิภาคของดุสิตธานีก็ไม่หยุด แม้จะมีเหตุกระทบอย่างรุนแรงจากภัยสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งทำให้จำนวนผู้ที่มาพักในโรงแรมหายไปครึ่งหนึ่งก็ตาม ในโรงแรมแถบชายทะเล แต่แผนการขยายตัวไปยังจุดสำคัญทางธุรกิจก็ยังดำเนินต่อไป มีการสร้างโรงแรมใหม่ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนในนามบริษัทโคราชธานี

"การลงทุนของเราค่อนข้างสูง ต้นทุนต่อห้อง เราคิดว่าคงไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทต่อห้อง การสร้างของเราจะต้องไม่ต่ำกว่า 300-400 ห้อง และกลุ่มเป้าหมายไม่จำเป็นต้องเป็นนักท่องเที่ยว เพราะเมืองโคราชเป็นเมืองนักธุรกิจและข้าราชการ" ชนินทร์เล่าให้ฟัง
การตลาดที่ส่วนหนึ่งชนินทร์ได้เข้าร่วมดูแลด้วย เป็นหัวใจสำคัญที่จำเป็นต้องมีการวางแผนงาน 3-5 ปีในทุกระยะของการเติบโตของดุสิตธานีกรุ๊ป ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านราคา การขาย เช่น เจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มไหนและการส่งเสริมการตลาด เช่น โฆษณา

"ในสามปีข้างหน้าโอกาสที่เราจะโตไปกว่านี้คงลำบาก เพราะว่าเรามีทุกแห่งแล้วในเมืองไทย เป้าหมายอันแรกของเราจึงเริ่มค่อย ๆ จะขยับไปดูในต่างประเทศบ้าง และเป้าหมายอันที่สอง คือ ทำให้โรงแรมดียิ่งขึ้นไปทั้งด้านการบริการและด้านกำไรบริษัท" เป้าหมายนี้จะบรรลุถึงหรอืไม่นั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของชนินทร์

การขยายไปสู่ต่างประเทศก็เป็นหนึ่งในแผนงานในอนาคต บางโครงการที่จะทำโรงแรมในสหรัฐอเมริกายกเลิกไป ขณะเดียวกันบางโครงการก็ก้าวรุดหน้าอย่างดี เช่น โครงการโรงแรมที่อินโดนีเซีย 4 แห่ง ซึ่งจะเปิดแห่งแรกในปลายปีหน้านี้

"สาเหตุที่เราทำสัญญารับบริหารให้ที่อินโดนีเซีย เพราะว่าอินโดนีเซียเหมือนไทยมีจุดท่องเที่ยวมากและลูกค้าเป็นกลุ่มเดียวกับเรา งานจะง่ายกว่าถ้าเราเลือกไปที่อื่น เราจะเสียเปรียบ" ชนินทร์กล่าวถึงการตัดสินใจรับบริหารของดุสิตธานีกรุ๊ป พร้อมกับให้ความเห็นว่าแม้การท่องเที่ยวของอินโดนีเซียจะช้ากว่าไทยไป 5 ปี แต่จุดแข็งด้านอนุรักษ์สภาพธรรมชาติของเขาดีกว่าไทย" รัฐบาลของเขาแข็งกว่าเราด้านนี้ ซึ่งในระยะยาวเขาจะดีกว่าเรา"

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของดุสิตธานีกรุ๊ปที่ปรากฏขึ้นสม่ำเสมอในระยะ 3-4 ปีนี้ ชนินทร์กล่าวว่า ทางกลุ่มมีการวางแผนระยะยาวมานานนับ 10 ปีแล้วว่าจะลงที่จุดเป้าหมายตรงบริเวณไหนบ้าง โดยมีการวิจัยสำรวจข้อมูลตลาด

"เรามีแผนมาสิบปีแล้ว ดังนั้นถ้าหากมีโอกาสที่ตรงกับแผนเราปั๊บ เราก็กระโดดลงไปทำทันทีโดยไม่รีรอ แต่ถ้าไม่ใช่…เราก็ไม่แตะ ไม่เสียเวลา เช่นที่เชียงรายก็อยู่ในแผนของเรามานาน ก่อนหน้านี้เราก็ขึ้นไปซื้อที่ดินเชียงรายหลายปี หรือย่างเชียงใหม่ก็เช่นกัน ก่อนเราจะซื้อดุสิตอินน์ เราก็ใช้เวลาตั้ง 7-8 ปี" ชนินทร์เปิดเผยถึงเบื้องหลังความสำเร็จ

ฉะนั้น ความโดดเด่นของการบริหารของดุสิตธานีกรุ๊ป กิจการโรงแรมของคนไทยที่บริหารโดยคนไทยจึงเข้าตากรรมการ 6 ประเทศผู้จัดงานมอบรางวัล "MANAGEMENT AWARD" สำหรับบริษัทที่มีการบริหารดีเด่นในสาขาต่าง ๆ ของประเทศไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้

ผู้จัดงานนี้ คือ สถาบัน AIM (THE ASIAN INSTITUTE OF MANAGEMENT) นิตยสาร WORLD EXECUTIVE DIGEST และบริษัทคอมพิวเตอร์ ACER เป็นสปอนเซอร์สนับสนุนด้านการเงินและมีกิจการบริษัท 200 แห่งเข้าร่วม โดยมีบริษัท เอส จี วี แอนด์ แอนเดอร์เซ่น เป็นผู้ตรวจสอบข้อมูลแล้วส่งให้กรรมการตัดสิน จนกระทั่งได้ 6 บริษัทยอดเยี่ยม คือ บริษัทดุสิตธานี บงล.ทิสโก้ บริษัทสหยูเนี่ยน ธนาคารกสิกรไทย และบริษัทผาแดง อินดัสตรี

"ถ้ามองในแง่ของแผนการตลาดและบริษัทในเครือแล้ว ดุสิตธานีกรุ๊ปจะได้คะแนนสูงมากในความโดดเด่นและการมองการณ์ไกล ขณะที่โอเรียนเต็ลเน้นทางด้านบริการเท่านั้น" ธีระชัย เชมนะศิริ หนึ่งในคณะกรรมการงานนี้ชี้แจงถึงบริษัทที่ดีที่สุดในปีนี้

เมื่อมาถึงจุด ๆ หนึ่งของช่วงชีวิตวัย 37 ปีของชนินทร์ โทณวณิก ผู้บริหารระดับสูงของดุสิตธานีกรุ๊ป ความสำเร็จเป็นเพียงจุดหนึ่งของกาลเวลาที่เขายังต้องเดินไปอีกไกล และเขาเรียนรู้สิ่งใหม่ในการบริหารดุสิตธานีกรุ๊ปตลอดเวลา ซึ่งชนินทร์ถือว่าความรู้ คือ สินทรัพย์อันมีค่า และเขาได้ตั้งเป้าหมายชีวิตไว้ว่าจะทำงานให้กับครอบครัวอีก 10 ป หลังจากนั้นเขาจะวางมือเพื่อหวนกลับไปยังงานสอนหนังสือที่เขารักในที่สุด

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us