|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“เกษร” วอนขอให้มีรัฐบาลเลือกตั้งและผู้นำประเทศโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน เพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนต่อไป หลังพบไตรมาสแรกยอดหายไปกว่า 13% เดินหน้าวางการตลาดใหม่ เน้นทำการตลาดจับนิชมาร์เก็ต และกลุ่มนักท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหรับ หลังพบยอดการใช้จ่ายต่อครั้งสูงมาก หวังสิ้นปีรายได้เพิ่มขึ้น 20% ตามเป้าที่วางไว้
นางสาธิมา ทานาเบ้ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เกษร แลนด์ แอซเซท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเกษร เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายขึ้นนั้น ยอมรับว่าส่วนตัวมีความมั่นใจขึ้นในระดับหนึ่งในการดำเนินธุรกิจว่าครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ตามมองว่าหากมีผู้นำประเทศและรัฐบาลเลือกตั้งได้เร็วเพียงใดก็ย่อมส่งผลดีต่อภาคธุรกิจเร็วเท่านั้น อันจะส่งผลให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในประเทศไทยอีกครั้ง
“การตัดสินใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ที่จะมาลงทุนในแถบภูมิภาคของเรานั้น ต่างมองหาประเทศที่มีภาพลักษณ์ที่ดีอยู่ ซึ่งไทยเองหลังจากมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนหันไปลงทุนประเทศอื่นๆแทน เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเก๊า และอินเดีย ดังนั้นหากประเทศไทยมีผู้นำประเทศที่ชัดเจนเร็วเท่าไร คาดว่าจะทำให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในประเทศไทยอีกครั้งอย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ค่าจีดีพีของประเทศขยับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง”
สำหรับปัญหาทางการเมืองครั้งนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อยอดขายของเกษรเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบว่า มียอดขายลดลงจากเป้าที่วางไว้ประมาณ 13% ขณะที่จำนวนลูกค้าที่เข้ามาภายในห้างลดลงเช่นเดียวกันประมาณ 22% และเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่ารายได้ลดลงถึง 19% ส่วนจำนวนลูกค้าที่เข้ามาภายในห้างตกลงกว่า 26% ส่วนไตรมาสที่สองนั้นมีรายได้ใกล้เคียงกับไตรมาสแรก เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดหลายวัน ขณะเดียวกันถือเป็นช่วงวันหยุดยาวของชาวญี่ปุ่นด้วย จึงทำให้ยอดขายใกล้เคียงกัน
ดังนั้นทางเกษรจึงต้องมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดอยู่ตลอดเวลา แต่ยังคงกลยุทธ์ทางด้านการขายหลัก 3 ทาง คือ 1. การสร้างแบรนด์ 2. การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งกลุ่มคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว อย่างชาวอาหรับ และกลุ่มเจนเนอร์เรชั่นวาย และ 3. การจัดโปรโมชั่น
โดยการปรับกลยุทธ์การขายใหม่ๆนั้นจะมุ่งทำการตลาดแบบนิชมาร์เก็ตมากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมมือกับโรงแรมระดับ 5 ดาว จำนวน 20 โรงแรมในกรุงเทพฯ เพื่อดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้จ่ายที่ศูนย์การค้าเกษร และการจับมือกับทางสถาบันการเงินต่างๆ ในการทำแคมเปญเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว เพื่อให้มาใช้จ่ายที่เกษรเช่นเดียวกัน โดยกลยุทธ์การขายเหล่านี้ได้เริ่มมาประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ปรากกว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี
“กลุ่มนักท่องเที่ยวถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีกำลังซื้อสูงมาก โดยเฉพาะกลุ่มอาหรับด้วยแล้ว 1 คน เฉลี่ยมีการใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทเลยทีเดียว ดังนั้นแผนต่อไปที่ทางเกษรจะดำเนินการต่อไป คือ จะมีการทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับพันธมิตรทางด้านโรงแรม สายการบิน และบัตรเครดิต เพื่อที่จะดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวให้เข้ามาใช้จ่ายในศูนย์ต่อไป ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันของนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในไทย”
ปัจจุบันกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูงสุด 5 อันดับ คือ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี และอาหรับ และที่เห็นว่าเริ่มจะมีกำลังซื้อมากขึ้นต่อมา คือ รัสเซีย และยุโรปตะวันออกกลาง อย่างประเทศ เช็ค ส่วนกลุ่มอาหรับนั้นถือเป็นกลุ่มประเทศที่มีกำลังใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ประเทศ ซาอุดิอาระเบีย การ์ต้า และดูไบ เป็นต้น
ล่าสุดทางเกษรได้ร่วมกับทางสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส สมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพ และเทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศส จัดนิทรรศการ เพียว เซนส์เซส ซึ่งเป็นการนำเสนอความเป็นศิลปะสองแขนงมาจัดแสดงเข้าด้วยกัน ในการสร้างสรรค์น้ำหอมระดับโลกที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก และผลงานศิลปะร่วมสมัยภายใต้แนวคิด “Splash” คาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าเข้ามาใช้จ่ายภายในศูนย์การค้าอีก 15%
นอกจากนี้ทางศูนย์ยังเตรียมที่จะเปิดตัวโครงการใหม่สำหรับกลุ่มลูกค้าผู้หญิงตั้งแต่ระดับบีบวกขึ้นไป ภายในบริเวณล๊อบบี้ ชั้น จี ซึ่งเป็นบริการใหม่ที่จะคอยให้บริการภายใต้ซับแบรนด์เกษรคาดว่า อีก 2-3 เดือนข้างหน้าจะเปิดตัวได้อย่างเป็นทางการ
นาง สาธิมา กล่าวในตอนท้ายด้วยว่า จากการปรับกลยุทธ์การตลาดตลอดทั้งปีนี้ เชื่อมั่นว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 20% ตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน
|
|
|
|
|