|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ประธานเครือสหพัฒน์ ชี้เศรษฐกิจปี 2550 เข้าขั้นวิกฤติหนักยิ่งกว่ายุคฟองสบู่แตกปี 2540 คาดจีดีพีส่อเค้าอาจติดลบครั้งแรกรอบ 20 ปี ตลาดอุปโภคบริโภค สินค้าแฟชั่นยอดขายวูบ รากหญ้ากำลังซื้อหาย “สหพัฒน์” ชูนโยบาย “Minus Marketing” ตั้งผลประกอบการติดลบ 5% ครั้งแรกในรอบกว่า 60 ปี แนะรัฐเร่งจัดการเลือกตั้ง แก้ปัญหาเศรษฐกิจมากกว่าการเมือง หวังอีกครึ่งภาวะเศรษฐกิจฟื้น
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยปีนี้เกิดวิกฤติหนักมากเมื่อเทียบกับวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 2540 แม้ว่าภาครัฐจะประมาณการณ์ว่าปีนี้จีดีพีหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมจะมีอัตราการเติบโต 4% ก็ตาม แต่ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจประมาณการณ์ว่าจีดีพีอาจจะติดลบครั้งแรกในรอบ 20 ปี เนื่องจากปัจจัยลบรุมเร้า อาทิ สถานการณ์การเมืองที่ไม่นิ่งทำให้เศรษฐกิจไม่ขับเคลื่อน ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรจำหน่ายได้ราคาต่ำ ซึ่งปกติภาคเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักของคนไทยระดับรากหญ้า และเป็นฐานประชากรที่มีมากในประเทศ
สิ่งที่ภาครัฐต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ การแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก มากกว่าจะมาแก้ปัญหาด้านการเมือง โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่า ให้อ่อนตัวลงต่ำกว่า 37 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ รวมถึงลดอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งภาครัฐควรพิจารณาว่า จะนำมาตรการใดกระตุ้นเศรษฐกิจ วิธีที่ดีที่สุด คือ ทำให้มีการเลือกตั้ง เพราะขณะนี้พบว่าอำนาจการซื้อลดลงอย่างมาก อัตราการบริโภคทุกอย่างลดลงทั้งหมด โดยสินค้าบริโภคไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ส่วนสินค้าอุปโภคหรือสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำได้รับผลกระทบบ้าง ขณะที่สินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ กลุ่มเสื้อผ้า เครื่องสำอาง
“มาตรการที่ภาครัฐนำมาใช้ทำไม่ถูกจังหวะ อย่างมาตรการลดอัตราดอกเบี้ย เป็นกลยุทธ์การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ช้ามาก ซึ่งถ้าภาครัฐแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ประมาณครึ่งปีทิศทางเศรษฐกิจน่าจะกลับมาดีขึ้น สำหรับในฐานะนักธุรกิจคนไทย อยากให้มีการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด และรอรัฐบาลชุดใหม่มาดำเนินการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนบุคคลที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะต้องเป็นผู้บริหารประเทศชาติให้ก้าวหน้า มากกว่าเป็นการบริหารเพื่อครอบครัวและเครือญาติ เพราะขณะนี้ต้องผจญกับคู่แข่งที่น่ากลัว อย่างเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะเป็นประเทศที่มาแรงและน่ากลัวกว่าประเทศจีน”
เครือสหพัฒน์ชี้สิ้นปีรายได้ติดลบ
นายบุณยสิทธิ์ กล่าวว่า บริษัทสหพัฒน์ทั้งเครือ ได้นำกลยุทธ์ “Minus Marketing” หรือการมีผลประกอบการที่ติดลบ 5% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 60 ปี หรือตั้งแต่เครือสหพัฒน์ก่อตั้งขึ้นมา (ประเมินจาก 5% จากรายได้รวมปีที่แล้ว 1.3 แสนล้านบาท เท่ากับหายไป 6.5 พันล้านบาท) โดยปรกติกลุ่มสหพัฒน์จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10% ทุกปี ซึ่งปีที่ผ่านมามีรายได้ 1.3 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 บริษัทดำเนินกลยุทธ์ “Zero Marketing” หรือการมีผลประกอบทรงตัวไม่มีอัตราการเติบโต
ขณะที่บริษัทไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กลุ่มเสื้อผ้าคิดเป็นสัดส่วน 10% ยอดขายรวม ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมายอดขายลดลง 20-30% นับเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ทั้งนี้เป็นเพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคไทย มีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย สอดคล้องกับการดัชนีชี้วัดของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 10%
ลงทุนระมัดระวังปีหน้าโตในเชิงบวก
สำหรับปีนี้ด้านการลงทุนบริษัทลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยลงทุนเฉพาะค่าเสื่อมเท่านั้น แต่บริษัทไม่ได้ชะลอการลงทุน เพราะมองว่าไทยยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพ ล่าสุดในงาน “ Saha Group Export & Trade Exhibition” ได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับประเทศต่างๆ ในแถบเอเชีย อาทิ เวียดนาม กัมพูชา อินเดีย สำหรับภายในงานปีนี้เน้นคอนเซปต์ “Innovation to the world” จำหน่ายเครื่องสำอาง เครื่องหนัง สิ่งทอ รองเท้า เครื่องใช้ภายในบ้าน เสื้อผ้า อาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าเบ็ดเตล็ด ลดราคาถึง 30% เพื่อรองรับกับกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
โดยงานเริ่มระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.-1ก.ค. นี้ ที่ ศูนย์ สิริกิติ์ คาดว่าจะมีประชาชนสนใจร่วมงานกว่า 3 แสนคน อย่างไรก็ตามหากภาครัฐมีมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปีหน้านี้เครือสหพัฒน์จะกลับมามีผลประกอบการในเชิงบวกอีกครั้ง
ไอ.ซี.ซีฯอัดกิจกรรมดันยอดโต10%
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒน์ ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องแต่งกาย ลาคอส เครื่องสำอางบีเอสซี ฯลฯ เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทฯมียอดขายต่ำกว่าเป้า 5- 6% ต่ำที่สุดรอบใน 10 ปี สาเหตุเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอผสมผสานกับการเมืองที่ชะลอตัว ที่เกิดขึ้นจึงส่งผลให้ยอดตกต่ำลงไป ทำให้บริษัทจำเป็นต้องทำตลาดด้วยการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ใช้งบกระตุ้นตลาดมากขึ้น รวมทั้งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามาทำตลาดอยู่เสมอแต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ทั้งนี้บริษัทฯยอมรับว่าต้องปรับเป้ายอดขายทั้งปี เมื่อดูจากตัวเลขในช่วงต้นปี การทำตลาดน่าจะยากขึ้น เดิมที่ตั้งการเติบโตไว้ที่ 15% จากยอดขายปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 13,500 ล้านบาท ถ้าการเติบโตสามารถทำได้ 10% ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ซึ่งตรงจุดนี้บริษัทเชื่อว่าจะทำได้อยู่เนื่องจากว่าช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่จบคดียุบพรรค ความชัดเจนทางการเมืองเริ่มมีความชัดเจนขึ้น การลงทุนมีการขยับขยายตัว ส่งต่อให้เศรษฐกิจอาจดีขึ้นอยู่บ้าง
|
|
|
|
|