Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์4 มิถุนายน 2550
กระเทาะยุทธศาสตร์”เพอร์เฟค”มองข้ามไปข้างหน้า1-2 ปี             
 


   
www resources

โฮมเพจ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

   
search resources

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, บมจ.
ชายนิด โง้วศิริมณี
Real Estate




กระเทาะแนวคิด”พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” คิดแตกต่าง มองไปข้างหน้าอย่างน้อย 1-2 ปี เพื่อลงทุนโครงการก่อนคู่แข่ง หวังดักกำลังซื้อที่มีจำกัด พร้อมนำนวัตกรรมใหม่ในการสร้างบ้านจากอเมริกา และญี่ปุ่น ลดภาระเรื่องสต็อกบ้านได้จาก 4 เดือน เหลือ 2 เดือน

การทำตลาดของบมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ในช่วงที่ผ่านมานั้น ส่วนใหญ่จะแตกต่างจากคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง ซึ่งการทำตลาดจะคิดเร็วกว่าคู่แข่งเสมอ เพราะต้องการกอบโกยยอดขายก่อนที่คู่แข่งจะแห่ไปลงทุน ภายใต้แนวคิดว่า”ลงทุนก่อน มีสิทธิ์ได้ลูกค้าก่อน”

“แผนการลงทุนของเพอร์เฟคจะมองไปข้างหน้าอย่างน้อย 1-2 ปี ซึ่งก่อนลงทุนจะศึกษาถึงสภาพตลาด ความต้องการของลูกค้า และภาวะเศรษฐกิจควบคู่กัน เพื่อให้การลงทุนลื่นไหล ไม่ติดปัญหาทุกด้าน ทั้งด้านการตลาด รูปแบบสินค้า และกำลังซื้อ ที่สำคัญการลงทุนจะไปในทำเลที่มีศักยภาพและคู่แข่งยังไม่ได้แห่ไปลงทุน เพื่อดักกำลังซื้อที่มีอยู่อย่างจำกัด” ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) (PF) กล่าว

การไปลงทุนก่อนคู่แข่งมีข้อได้เปรียบในแง่ที่สามารถสร้างยอดขายได้ก่อนคู่แข่ง ไม่ต้องกังวลเรื่องภาวะการแข่งขัน และเมื่อคู่แข่งตามมาลงทุนโครงการในทำเลเดียวกัน เพอร์เฟคก็จะเปลี่ยนไปลงทุนโครงการในทำเลใหม่ ๆ ตามความต้องการของลูกค้า

สำหรับแผนการลงทุนปีนี้บริษัทฯเน้นลงทุนโครงการประเภททาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมเป็นหลัก ซึ่งเป็นแผนที่วางไว้ตั้งแต่ปีก่อน เพราะมองว่า ปีนี้เป็นปีทองของทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯก็ยังมีสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวขาย เนื่องจากความต้องการบ้านเดี่ยวยังมีอีกมาก เพียงแต่ผู้ประกอบการจะต้องเลือกพัฒนารูปแบบสินค้า และราคาให้สอดคล้องกับความต้องการซื้อ โดยบ้านเดี่ยวราคาเฉลี่ย 3 ล้านบาท ยังมีความต้องการอีกมาก ขณะที่บ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ยังมีโอกาสบ้าง เพราะในช่วงปีก่อนต่อเนื่องปัจจุบันแทบจะไม่มีการลงทุนโครงการระดับดังกล่าวออกสู่ตลาดเลย

“ปีหน้าตลาดบ้านเดี่ยวจะมาแรง ดังนั้น ในช่วงปลายปีนี้เพอร์เฟคจะเปิดโครงการใหม่เป็นบ้านเดี่ยว ระดับ 3 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อรองรับการขายในปีหน้า” ดร.ธีระชน กล่าว

ขณะที่ชายนิด โง้วศิริมณี กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ปลายปีนี้บริษัทฯจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ช่วงปลายสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และบริเวณถนนรัชดาภิเษก พื้นที่โครงการละ 10 ไร่ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ใช้งบซื้อที่ดินรวม 500 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้นำนวัตกรรมใหม่มาใช่ในการออกแบบและระบบก่อสร้าง ซึ่งได้นำโนฮาวจากบริษัทชั้นนำของต่างประเทศ ทั้ง KB Home บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอมริกา และ SEKISUI ในประเทศญี่ปุ่น ในเรื่อง Customization คือ การให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการเลือกรายละเอียดต่างๆของบ้าน ซึ่งระบบนี้เป็นที่นิยมใช้ในต่างประเทศกว่า 10 ปีแล้ว

ระบบดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อบ้านได้เร็วขึ้น เพราะลูกค้าจะได้บ้านตามที่ต้องการ ทั้งรูปแบบ ขนาด พื้นที่ใช้สอย ตลอดจนสามารถเลือกสีได้ตามต้องการ ซึ่งเพอร์เฟคจะนำโปรแกรม Perfect Customization มาใช้ใน 9 โครงการ เช่น เพอร์เฟค เพลส รามคำแหง – สุวรรณภูมิ ,เพอร์เฟค พาร์ค รามคำแหง- สุวรรณภูมิ ,เพอร์เฟค เพลส สุขุมวิท 77- สุวรรณภูมิ และเพอร์เฟค เพลส รัตนาธิเบศร์-ราชพฤกษ์ ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท ส่วนเพอร์เฟคมาสเตอร์ พีซยังไม่ได้นำมาใช้ เพราะเป็นบ้านราคาแพง ไม่เหมาะที่จะนำโปรแกรมดังกล่าวมาใช้

ชายนิด กล่าวว่า ข้อดีของการนำโปรแกรมดังกล่าวมาใช้ นอกจากจะช่วยกระตุ้นลูกค้าให้ซื้อเร็วขึ้นแล้ว ยังช่วยให้บริษัทฯไม่ต้องแบกรับภาระเรื่องสต็อกบ้านด้วย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯต้องมีสต็อกบ้านอย่างน้อย 3-4 เดือน เพื่อขาย แต่ถ้าใช้โปรแกรมใหม่จะลดสต็อกบ้านเหลือเพียง 2 เดือน เพราะจะมีทั้งลูกค้าที่ต้องการบ้านพร้อมโอน และบ้านสั่งสร้าง ซึ่งใช้เวลาสร้างนาน 8 เดือน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us