ท่ามกลางความตกต่ำของรายการเรียลลิตี้โชว์ยอดฮิต La Academia จากแดนจังโก้ เม็กซิโก ที่เมื่อราว 4-5 ปีที่ผ่านมา มีการขยายไปสู่ทั่วโลกอย่างรวดเร็วในชื่อ Academy Fantasia ผ่านไปปีต่อปีความนิยมเริ่มลดน้อยลงตามช่วงอายุของรายการโทรทัศน์ ประกอบข่าวคราวการปฏิบัติตัวเสื่อมเสียของผู้เข้าแข่งขันในบางประเทศ ยิ่งส่งให้รายการเสื่อมความนิยมลง แต่ความตกต่ำนี้ ไม่ได้หมายรวมถึงประเทศไทย

อะคาเดมี แฟนเทเซีย ในเมืองไทย เกิดขึ้นในปี 2547 แม้จะไม่ใช่รายการเรียลลิตี้โชว์รายการแรกของประเทศ แต่ถือเป็นรายการที่สะท้อนความเป็นเรียลลิตี้โชว์ที่สมบูรณ์ที่สุด ปีแรกที่ทรูวิชั่นส์ หรือยูบีซีในเวลานั้น ซื้อลิขสิทธิ์มาผลิต ก็เพียงเพื่อเป็นโปรแกรมพิเศษที่มากระตุ้นยอดสมาชิกเคเบิลทีวีในช่วงที่โปรแกรมหลักอย่างฟุตบอลพรีเมียร์ลีกปิดฤดูกาล แม้ในแง่จำนวนสมาชิกยูบีซีที่เพิ่มขึ้นจะไม่ชัดเจนว่าเป็นผลมาจากความต้องการชมเอเอฟ หรือจากรายการอื่น รายการใด แต่ความนิยมจากการส่งคะแนนโหวตผู้เข้าแข่งขันผ่านโทรศัพท์มือถือที่สูงถึง 9 ล้านโหวต ในช่วงเวลาราว 10 สัปดาห์ ส่งผลให้ผู้บริหารทรูคอร์ปอเรชั่น ที่มีบริการโทรศัพท์มือถือทีเอออเรนจ์ อยู่ในพอร์ทธุรกิจ ตัดสินใจจัดอะคาเดมี แฟนเทเซีย ต่อเป็นปีที่ 2 และปีที่ 3 จนมาถึงปีที่ 4 ที่ทรูคอร์ปอเรชั่น กำลังมุ่งมั่นอยู่กับเส้นทาง Convergence

"อะคาเดมี แฟนเทเซีย เป็นคอนเทนต์ที่มีความสำคัญมากสำหรับการ Convergence ธุรกิจของทรูคอร์ปอเรชั่น" ศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น พ่วงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทรูวิชั่นส์ กล่าวถึงโปรแกรมรายการสุดพิเศษของทรูวิชั่นส์ ที่ต้องลงมานั่งแถลงข่าวด้วยตนเองเกือบทุกครั้ง

ภายใต้อาณาจักธุรกิจสื่อสารของทรูคอร์ปอเรชั่น ที่มีบริการหลากหลายรูปแบบ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่ยากต่อการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนในหมู่กว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทฯมีการประกาศแนวนโยบายของธุรกิจที่จะสร้าง Convergence Platform นำบริการแต่ละประเภทมาสอดประสานสร้างความแข็งแกร่งเหนือคู่แข่ง การทำความเข้าใจกับเรื่องซับซ้อนเช่นนี้ ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นหนังโฆษณาชุด ปาติหาน ที่เอเยนซี่ผู้รับผิดชอบ ลีโอ เบอร์เนทท์ เล่าเรื่องของเด็กน้อยกับความสำเร็จของการฟอร์เวิร์ดเมลเพื่อช่วยชีวิตน้องจากโรคร้าย แม้จะเห็นภาพของการ Convergence ที่ชัดเจนขึ้น แต่ก็เป็นเพียงภาพแบน ๆ ที่ผู้ชมไม่มีส่วนร่วม อะคาเดมี แฟนเทเซีย ปีที่ 4 จึงถูกเปรียบเสมือนการสร้างเรื่องราว Convergence ให้มีมิติที่ผู้บริโภคสามารถสัมผัสรับรู้ และใช้บริการได้ด้วยตนเอง

เอเอฟ 4 เปิดตัวด้วยการ Convergence ธุรกิจอินเทอร์เน็ต ทรูไลฟ์เข้ากับโปรแกรมรายการของทรูวิชั่นส์ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ การประกาศรับสมัครผู้เข้าแข่งขันเปิดช่องทางเพิ่มผ่านทาง Online Audition ส่งคลิปวิดีโอการแสดงผ่านเว็บทรูไลฟ์ ผู้ผ่านเข้ารอบ 50 คน จะมาจากการโหวตของผู้ที่แวะเวียนเข้าไปชมในเว็บเดียวกัน นอกเหนือจากการ Audition ต่อหน้าคณะกรรมการตามภาคต่าง ๆ เหมือนเช่นปีก่อน ๆ

ต่อด้วยการ Convergence กับบริการโทรศัพท์ทรูมูฟ ที่ให้ผู้ชมโหวตให้คะแนนผู้เข้าแข่งขันผ่านมือถือระบบนี้เพียงระบบเดียวมาตั้งแต่ 2 ครั้งที่ผ่านมา ที่เพิ่มขึ้นมาในปีนี้คือ ช่วงเวลาของการโหวต และการส่ง SMS แชทให้กำลังใจ ขยายเวลาขึ้นจากลูกเล่นการคัดเลือก 12 คนสุดท้ายที่จะเข้าสู่บ้านอะคาเดมีฯ ปีนี้คณะกรรมการเลือกมาให้ 20 คน ให้ผู้ชมได้ประเดิมการ Convergence จากทรูมูฟ สู่ทรูวิชั่นส์ ก่อนเปิดบ้านอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน ด้วยการส่ง SMS โหวตเลือก 12 คนจาก 20 คนสุดท้าย ก่อนจะไปโหวตกันต่ออีก 12 สัปดาห์เพื่อค้นหาสุดยอดนักล่าฝันปีที่ 4 ที่ศุภชัยคาดการณ์ว่า จำนวนการโหวตในปีนี้จะทำลายสถิติ AF3 ที่ทำได้ 13.5 ล้านโหวต เพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 15 ล้านโหวตอย่างแน่นอน

ในส่วนของการับชมการถ่ายทอดชีวิตของผู้เข้าแข่งขันตลอด 12 สัปดาห์ รวมไปถึงการแสดงคอนเสิร์ตประจำสัปดาห์ นอกเหนือจากการถ่ายทอดผ่านทรูวิชั่นส์ ที่เปิดรองรับถึง 3 ช่อง ทั้งการถ่ายทอดสดชีวิตประจำวัน ถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต การสรุปข่าวประจำวัน สกู๊ปพิเศษ และการถ่ายทอดรายการผ่านฟรีทีวี พันธมิตรโมเดิร์นไนน์ ทีวีแล้ว ทรูไอพีทีวี บริการเปย์ทีวีผ่านสายโทรศัพท์ ก็รับลูก Convergence ถ่ายทอดสดตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถเลือกชมคอนเสิร์ตในแต่ละสัปดาห์ ตามความต้องการจากเมนู Video on Demand ของทรูไอพีทีวี

เช่นเดียวกับบริการโทรศัพท์มือถือทรูมูฟ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นทุกปีก่อให้เกิดบริการใหม่ ๆ รองรับความต้องการของผู้ชมมากยิ่งขึ้น การโหวตให้กำลังใจ พูดคุยระหว่างกลุ่มแฟนคลับด้วยกันโดย SMS ส่งผ่านหน้าจอช่อง AF หรือการโหวตส่งคะแนนเชียร์ในแต่ละสัปดาห์ช่วง 2 ปีแรก ถูกเพิ่มเติมด้วยการดาวน์โหลดภาพการ์ตูนตัวแทนนักล่าฝัน หรือภาพนักล่าฝันอริยาบทต่าง ๆ ในปีที่ 3 แต่สำหรับ AF 4 ทรูมูฟเพิ่มบริการรายงานผลคะแนนในแต่ละวัน ผลโหวตแต่ละสัปดาห์ ข่าวคราวความเคลื่อนไหวภายในบ้าน AF ผ่าน SMS ทั้งประเภทแยกใช้บริการแต่ละรายการ หรือเหมารับบริการยกแพค

ด้านบริการบอร์ดแบนด์ผ่านคอมพิวเตอร์พีซี ที่เว็บไซต์ทรูไลฟ์ เปิดให้ชมชีวิตนักล่าฝันตลอด 24 ชั่วโมง จาก 5 กล้องพิเศษ พร้อมถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตประจำสัปดาห์ ชมรายการของเอเอฟทั้งปัจจุบันหรือย้อนหลัง 3 ครั้งก่อน นอกจากนี้ยังเปิดให้ผู้ใช้บริการสามารถแชทสด ๆ กับผู้แข่งขัน โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การประกวดสร้างแฟนคลับ ประกวดคลิปวิดีโอ และประกวดตัวตุ๊กตา Avatar ของผู้แข่งขันคนโปรด

ส่วนเว็บไซต์ http//trueaf.truelife.com ถูกเปิดเป็นช่องทางหลักในการสื่อสารของเหล่าแฟนคลับผู้เข้าแข่งขันทุกวี ที่คอนเทนต์หลักบนเว็บนี้จะเป็นเรื่องราวประวัติส่วนตัวของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน ข่าวสารอัพเดท คะแนนโหวตล่าสุด เว็บบอร์ด Blog ไดอารี่ส่วนตัว V-Diary สมุดบันทึกความในใจนักล่าฝัน miniHOME เว็บเฉพาะของแฟนคลับที่ให้เข้ามาพูดคุยกัน Juke Box และ Net Radio แหล่งรวบรวมเพลงจากการแข่งขันทุกเพลง ทุกรุ่น และ On True Life ที่จะให้ประสบการณ์แชท และออนไลน์รูปแบบใหม่ ที่มีบริการทั้งแชท ฟังเพลง ชมรายการโทรทัศน์ออนไลน์ทั้งฟรีทีวี และทีวีช่องพิเศษ

ศุภชัย คาดว่า กลยุทธ Convergence ที่รวบรวมบริการต่าง ๆ ของทรูคอร์ปอเรชั่นเข้ามาโฟกัสอยู่ที่โปรแกรมอะคาเดมี แฟนเทเซียนี้ จะเพิ่มผู้ชมจากช่องทางใหม่ ๆ นอกเหนือจากการชมผ่านทรูวิชั่นส์อีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ส่วนต้นทุนที่ลงทุนไปกับการจัดโครงการนี้ราว 100 ล้านบาท แม้เวลานี้จะยังหาผู้สนับสนุนมาครอบคลุมเงินลงทุนนี้ไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็เชื่อว่าพลังของการ Convergence ที่จะดึงรายได้จากทั้งการชม โหลด โหวต และแชท จากสารพัดบริการ ก็น่าจะผลักดันให้ถึงจุดคุ้มทุนไม่ยาก

ส่วนกำไรที่จะตามมา ศุภชัย กล่าวว่า ยังเหลือธุรกิจอีกส่วนที่ยืนรอ Convergence อยู่หลังจากปิดบ้านเอเอฟ นั่นคือ ทรู แฟเทเซีย ของกิติกร เพ็ญโรจน์ ที่จะนำ 12 นักล่าฝันปีที่ 4 ออกไปสร้างรายได้ให้มากกว่าที่ 36 นักล่าฝันจาก 3 ปีที่ผ่านมาเคยทำได้

แต่ที่สำคัญคำกว่า Convergence ที่ทรูพยายามพูดออกไป จะเป็นที่เข้าใจของผู้บริโภคในวงกว้างขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ โดยไม่ต้องพึ่ง ปาติหาน อีกต่อไป