พีแอนด์จี สู้พิษตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคโตลดลง เดินนโยบายอัดนวัตกรรมใหม่กว่า 30 รายการกระตุ้นกำลังซื้อ หลังพบคนไทยแห่ซื้อสินค้าใหม่ทดลองใช้ ยันปัญหาการเมืองไม่กระทบแผน 3 ปีลงทุน 3,500 ล้านบาท ลั่นปีนี้โฟกัส 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ แชมพู สกินแคร์ ผงซักฟอก ออรัลบี ยิลเลตต์ พร้อมปรับระบบทีมขายใหม่รองรับ 19 แบรนด์ มั่นใจผลประกอบการสิ้นปีโตเป็นตัวเลขสองหลัก
นางสาวปริญดา หัศฎางค์หุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีแอนด์จี ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมานี้ มีอัตราการเติบโต 3-4% ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้นคาดว่าทั้งปีตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคจะมีอัตราการเติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 6-10% สำหรับรายได้ของบริษัทในช่วง 5 เดือนนี้ มีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกการเติบโตจะถดถอยไปบ้าง ขณะที่ไตรมาสที่สองคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกัน โดยทั้งปีบริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก
สำหรับนโยบายการตลาดท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง บริษัทเน้นการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ลงสู่ตลาดกว่า 30 รายการ จากปีที่ผ่านมาเปิดตัวสินค้าใหม่กว่า 25 รายการ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค หลังจากที่เศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้การรุกตลาดด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่มากขึ้น เนื่องจากพบว่าคนไทยมีพฤติกรรมทดลองสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเพื่อความงาม ในกลุ่มแชมพูครีมนวดและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว โดยการเปิดตัวสินค้าใหม่บริษัทโฟกัสกลุ่มผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดผม กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักและถนอมผ้า กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขอนามัยในช่องปากออรัลบีโฟกัสตลาดแปรงสีฟัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลรูปลักษณ์สุภาพบุรุษยิลเลตต์ รวมมูลค่าตลาดร่วม 1 แสนล้านบาท
“แม้ว่าสถานการณ์การเมืองประเทศไทยไม่นิ่ง ปัจจัยลบเรื่องการยุบพรรคการเมือง หรือภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง รวมไปถึงต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่บริษัทยังคงทำตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยแผนการลงทุนในช่วง 3 ปี นับจากปีที่ผ่านมาใช้งบราว 3,500 ล้านบาท และปีนี้ใช้การทุ่มงบการตลาดใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาราว 500-1,000 ล้านบาท ภายใต้การใช้กลยุทธ์ทำความเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค พร้อมกับการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่ตอบสนองความต้องการ และมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีศักยภาพ”
ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับเปลี่ยนและสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ แพนทีน โปร-วี รีจอยส์ และเฮดแอนด์โชว์เดอร์ อีกทั้งยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ ได้แก่ รีจอยส์ สูตรซันแคร์ สูตรฟรุ๊ตตี้ และเฮอร์เบิล เอสเซ้นส์เซ็ส สูตรซิตรัส ลิฟท์ นอกจากนั้นได้ทำการปรับเปลี่ยนวิธีการสื่อสารกับผู้บริโภค ผ่านรายการเรียลิตี้โชว์ อาทิ การเป็นผู้สนับสนุนรายการอะคาเดมี่ แฟนตาเซีย อีกทั้งยังเตรียมจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งนี้เพื่อช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ เพื่อการสื่อสารของแบรนด์แพนทีน โปร-วี โอเลย์ และยิลเลตต์ให้ดียิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับระบบการกระจายสินค้า ด้วยการเพิ่มดิสทริบิวเตอร์จาก 7 รายเป็น 10 ราย ส่งผลให้สินค้าของบริษัทสามารถครอบคลุมทั่วประเทศ 70% โดยแบ่งเป็นช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรด 55% และเทรดิชันนัลเทรด 45% ขณะเดียวกันได้ปรับระบบทีมขายใหม่ เพื่อรองรับกับการควบรวมกิจการของกลุ่มผลิตภัณฑ์ยิลเลตต์ ซึ่งบริษัทแม่ได้ซื้อกิจการทั่วโลก 5.7 หมื่นล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักและถนอมผ้าแฟ้บ และเพค ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีแบรนด์สินค้าเพิ่มขึ้น 13 แบรนด์เป็น 19 แบรนด์
สำหรับผลประกอบการปีที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก โดยมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดมีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 31% เป็น 33% แบ่งเป็น แพนทีน 12-13% รีจอยส์ 10% เฮดแอนด์โชว์เดอร์ 8% และเฮอร์เบิล เอสเซ้นส์เซ็ส 3-4% จากตลาดมูลค่า 10,000 ล้านบาท รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวโอเลย์ครองความเป็นผู้นำตลาดโดยมีส่วนแบ่ง 30% จากตลาดมูลค่า 6,000 ล้านบ าท มีอัตราการเติบโต 5% อีกทั้งการเติบโตยังมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ยิลเลตต์และแฟ้บ โดยปัจจุบันยิลเลตต์ครองส่วนแบ่ง 70% ขณะที่แฟ้บหลังจากนำเสนอนวัตกรรมใหม่ สูตรดอกมะลิได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีส่วนแบ่งเพิ่มจากต่ำกว่า 2% เป็น 3% จากมูลค่าตลาด 11,000 ล้านบาท ขณะที่การส่งออกปีที่ผ่านมายอดทะลุ 14,000 ล้านบาท
|