Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 พฤษภาคม 2550
4เดือนแรกตลาดคอนซูเมอร์ซึมพีแอนด์จีชูนวัตกรรม-รื้อทีมขายลุย             
 


   
www resources

P&G Homepage

   
search resources

พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (ประเทศไทย), บจก.
Marketing
Consumer Products




พีแอนด์จี สู้พิษตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคโตลดลง เดินนโยบายอัดนวัตกรรมใหม่กว่า 30 รายการกระตุ้นกำลังซื้อ หลังพบคนไทยแห่ซื้อสินค้าใหม่ทดลองใช้ ยันปัญหาการเมืองไม่กระทบแผน 3 ปีลงทุน 3,500 ล้านบาท ลั่นปีนี้โฟกัส 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ แชมพู สกินแคร์ ผงซักฟอก ออรัลบี ยิลเลตต์ พร้อมปรับระบบทีมขายใหม่รองรับ 19 แบรนด์ มั่นใจผลประกอบการสิ้นปีโตเป็นตัวเลขสองหลัก

นางสาวปริญดา หัศฎางค์หุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีแอนด์จี ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมานี้ มีอัตราการเติบโต 3-4% ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้นคาดว่าทั้งปีตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคจะมีอัตราการเติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 6-10% สำหรับรายได้ของบริษัทในช่วง 5 เดือนนี้ มีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกการเติบโตจะถดถอยไปบ้าง ขณะที่ไตรมาสที่สองคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกัน โดยทั้งปีบริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก

สำหรับนโยบายการตลาดท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง บริษัทเน้นการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ลงสู่ตลาดกว่า 30 รายการ จากปีที่ผ่านมาเปิดตัวสินค้าใหม่กว่า 25 รายการ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค หลังจากที่เศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้การรุกตลาดด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่มากขึ้น เนื่องจากพบว่าคนไทยมีพฤติกรรมทดลองสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเพื่อความงาม ในกลุ่มแชมพูครีมนวดและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว โดยการเปิดตัวสินค้าใหม่บริษัทโฟกัสกลุ่มผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดผม กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักและถนอมผ้า กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขอนามัยในช่องปากออรัลบีโฟกัสตลาดแปรงสีฟัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลรูปลักษณ์สุภาพบุรุษยิลเลตต์ รวมมูลค่าตลาดร่วม 1 แสนล้านบาท

“แม้ว่าสถานการณ์การเมืองประเทศไทยไม่นิ่ง ปัจจัยลบเรื่องการยุบพรรคการเมือง หรือภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง รวมไปถึงต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่บริษัทยังคงทำตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยแผนการลงทุนในช่วง 3 ปี นับจากปีที่ผ่านมาใช้งบราว 3,500 ล้านบาท และปีนี้ใช้การทุ่มงบการตลาดใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาราว 500-1,000 ล้านบาท ภายใต้การใช้กลยุทธ์ทำความเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค พร้อมกับการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่ตอบสนองความต้องการ และมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีศักยภาพ”

ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับเปลี่ยนและสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ แพนทีน โปร-วี รีจอยส์ และเฮดแอนด์โชว์เดอร์ อีกทั้งยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ ได้แก่ รีจอยส์ สูตรซันแคร์ สูตรฟรุ๊ตตี้ และเฮอร์เบิล เอสเซ้นส์เซ็ส สูตรซิตรัส ลิฟท์ นอกจากนั้นได้ทำการปรับเปลี่ยนวิธีการสื่อสารกับผู้บริโภค ผ่านรายการเรียลิตี้โชว์ อาทิ การเป็นผู้สนับสนุนรายการอะคาเดมี่ แฟนตาเซีย อีกทั้งยังเตรียมจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งนี้เพื่อช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ เพื่อการสื่อสารของแบรนด์แพนทีน โปร-วี โอเลย์ และยิลเลตต์ให้ดียิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับระบบการกระจายสินค้า ด้วยการเพิ่มดิสทริบิวเตอร์จาก 7 รายเป็น 10 ราย ส่งผลให้สินค้าของบริษัทสามารถครอบคลุมทั่วประเทศ 70% โดยแบ่งเป็นช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรด 55% และเทรดิชันนัลเทรด 45% ขณะเดียวกันได้ปรับระบบทีมขายใหม่ เพื่อรองรับกับการควบรวมกิจการของกลุ่มผลิตภัณฑ์ยิลเลตต์ ซึ่งบริษัทแม่ได้ซื้อกิจการทั่วโลก 5.7 หมื่นล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักและถนอมผ้าแฟ้บ และเพค ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีแบรนด์สินค้าเพิ่มขึ้น 13 แบรนด์เป็น 19 แบรนด์

สำหรับผลประกอบการปีที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก โดยมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดมีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 31% เป็น 33% แบ่งเป็น แพนทีน 12-13% รีจอยส์ 10% เฮดแอนด์โชว์เดอร์ 8% และเฮอร์เบิล เอสเซ้นส์เซ็ส 3-4% จากตลาดมูลค่า 10,000 ล้านบาท รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวโอเลย์ครองความเป็นผู้นำตลาดโดยมีส่วนแบ่ง 30% จากตลาดมูลค่า 6,000 ล้านบ าท มีอัตราการเติบโต 5% อีกทั้งการเติบโตยังมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ยิลเลตต์และแฟ้บ โดยปัจจุบันยิลเลตต์ครองส่วนแบ่ง 70% ขณะที่แฟ้บหลังจากนำเสนอนวัตกรรมใหม่ สูตรดอกมะลิได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีส่วนแบ่งเพิ่มจากต่ำกว่า 2% เป็น 3% จากมูลค่าตลาด 11,000 ล้านบาท ขณะที่การส่งออกปีที่ผ่านมายอดทะลุ 14,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us