|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ยูนิลีเวอร์เดินหน้าสานต่อ โครงการเอ็นอีพี ทั่วโลก โดยเตรียมทุ่มงบประมาณ 200 ล้านบาทรุกตลาดไทยหวังสร้างความรู้ความเข้าใจ ผ่านกิจกรรมต่างๆ เตรียมปรับสูตรกลุ่มไอศกรีม เผย 5 เดือนแรก กลุ่มธุรกิจนี้ของลีเวอร์เติบโต 2 หลักมากกว่าตลาดรวมที่โต 7%
นายลออิค ทาร์ดี้ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย และนายเจอโรม ชาราโชน รองประธานการบริหารธุรกิจอาหารและไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า ผลประกอบการของกลุ่มอาหาร และไอศกรีมของยูนิลีเวอร์ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก ซึ่งมากกว่าตลาดรวมที่มีการเติบโตเพียง 7% เท่านั้น
โดยรายได้รวมของกลุ่มอาหารและไอศกรีมเมื่อสิ้นปีที่แล้วในประเทศไทยมีรายได้มากกว่า 19 ล้านยูโร ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้
ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทฯจะใช้งบประมาณด้านการตลาดประมาณ 200 ล้านบาท ในการให้ความรู้ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมต่างๆในหลายรูปแบบ ในประเทศไทย เพื่อดำเนินโครงการส่งเสริมเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการหรือ Nutrition Enhancement Programme (NEP) ซึ่งถือเป็นโครงการต่อเนื่องบริษัทได้เริ่มดำเนินการทั่วโลกมาตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2546
การก้าวเข้าสู่ปี 2550 นี้ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของยูนิลีเวอร์กำลังเปลี่ยนแปลงภายใต้โครงการส่งเสริมเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงผ่านการปรับสูตร หรือการให้ข้อมูล ยกตัวอย่างเช่น เราเริ่มผนึกกำลังกับพันธมิตรทั้งหลายทั้งในส่วนของภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐขอความร่วมมือในการลดการบริโภคโซเดียมในทวีปยุโรปตามกลุ่มเป้าหมายทีละขั้นตอน
โดยโครงการนี้มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เกิดการปรับปรุงในส่วนประกอบทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ทั้งในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม โดยไม่ลดทอนความปลอดภัยของอาหาร คุณภาพ หรือรสชาติ รวมทั้งไม่ได้มีการเพิ่มราคาผลิตภัณฑ์แต่อย่างใด
นายลออิคกล่าวว่า เราได้พัฒนาแนวทางปฎิบัติของเราเองเพื่อทำการประเมิน ในขณะที่องค์กรอนามัยโลกและหน่วยงานภาครัฐได้นำเสนอแนวทางสำหรับการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี แต่ก็ยังไม่มีมาตรฐานที่จะกล่าวได้ว่าสินค้าประเภทอาหารแต่ละชนิดมีความเหมาะสมต่อการบริโภคเพื่อสุขภาพที่ดีได้อย่างไร ดังนั้นสถาบันค้นคว้าวิจัยด้านอาหารและสุขภาพของยูนิลีเวอร์จึงได้กำหนดมาตรฐานของปริมาณสารอาหารประเภทไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัว โซเดียม น้ำตาลตามหมวดหมู่ประเภทอาหารต่างๆ
“เราได้ทำการตรวจสอบส่วนประกอบของสูตรอาหารทั้งหมดของเราในส่วนของระดับสารอาหารสำคัญ 4 ชนิด ตามผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ลาสุด ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ได้แก่ ไขมันไม่อิ่มตัว ไขมันอิ่มตัว โซเดียม และน้ำตาล ซึ่งได้ทำการประเมินระดับของสารอาหารเหล่านี้ในอาหารกว่า 16,000 ชนิด และได้ ดำเนินการลดปริมาณสารอาหารเหล่านี้ในทุกส่วนที่เราสามารถทำได้ จนแล้ยวเสร็จเมื่อปลายปี 2548”
การเปลี่ยนแปลงสูตรอาหารในปี 2548 และ 2549 ส่งผลให้ยูนิลีเวอร์ทั่วโลกสามารถกำจัดปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวลงไปได้ 15 ล้านกิโลกรัม กำจัดปริมาณไขมันอิ่มตัวลงไปได้ 10 ล้านกิโลกรัม (ซึ่งไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวปริมาณที่กำจัดได้นี้ จะให้พลังงานนักวิ่งสามารถวิ่งไปได้ 2,184 ปี ) กำจัดปริมาณโซเดียมลงไปได้ 2 ล้านกิโลกรัม (ซึ่งเทียบเท่ากับเป็นความเค็มของน้ำทะเลตามปริมาณน้ำของสระว่ายน้ำขนาดสำหรับการแข่งขันโอลิมปิค 57 สระรวมกัน) และกำจัดปริมาณน้ำตาลลงไปได้ 10 ล้านกิโลกรัม (ซึ่งสามารถให้พลังงานแคลลอรี่สำหรับรายการแข่งขันลอนดอน มาราธอน ประจำปีได้ 388 ปี ตามสมมติฐานที่มีผู้เข้าร่วมแข่งขันจำนวน 35,000 คน) จากรายการอาหารและเครื่องดื่มในสินค้าทั้งหมดทั่วโลกของยูนิลีเวอร์
ขณะที่ในประเทศไทยนี้บริษัทฯมีผลิตภัณฑ์อาหารและและไอศกรีมมากกว่า 200 เอสเคยู ได้มีการประเมินไปแล้วประมาณ 80% ส่วนไอศกรีมนั้นคาดว่าในเร็วๆนี้คงจะเริ่มดำเนินการปรับสูตรได้ เพราะไอศกรีมเป็นสิ่งที่ต้องให้ความรอบคอบมากเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรสชาติด้วย
โดยในไทยนี้บริษัทฯได้ทำการลดสารอาหารทั้ง 4 ชนิด และได้เปิดตัวสินค้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการชนิดใหม่ ซึ่งมีส่วนประกอบทางโภชนาการที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าอุปโภคสำหรับเด็ก เช่น ในไตรมาสที่สาม ปี 2549 ผลิตภัณฑ์เบสท์ฟู้ดส์ ซึ่งเป็นผู้นำตลาดด้านแยม ได้เปิดตัวแยมที่มาพร้อมกับ เนื้อผลไม้ที่เพิ่มขึ้น และในเดือนนี้ยังได้ทำการเปิดตัวสินค้าประเภทแยมที่มีน้ำตาลน้อยลงด้วย และในเดือนนี้มีแผนที่จะเปิดตัว โจ๊กเพิ่มพลัง คนอร์ คัพ โจ๊ก อีกด้วย ซึ่งมั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยทำให้การเติบโตของบริษัทฯในกลุ่มอาหารนี้มีมากกว่า 2 หลัก
|
|
|
|
|