"บิ๊กหมง" ยันบอร์ดแบงก์กรุงไทย (KTB) ยังไม่มีแผนปลด วิโรจน์ นวลแข ย้ำที่ผ่านมา เขาทำงานเข้าเป้ามาตลอด ส่วนประธานกรรมการคนใหม่จะใช้ความเป็นทหาร เก่าให้เป็นประโยชน์ เชื่อมสัมพันธ์ภาครัฐ ขณะที่ปีนี้ แบงก์ยังมีนโยบายรุกปล่อยสินเชื่อต่อเนื่อง หลังเป็นผู้นำปล่อยสินเชื่อครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยเฉพาะระดับรากหญ้า ผ่านธนาคารอิสลาม-ธนาคารชุมชน สินเชื่อเอสเอ็มอีเพิ่มอีก 4 พันล้าน เป็น 2.9 หมื่นล้านบาท คาดปีนี้ ธนาคารฟันกำไรใกล้เคียงปีม้า ขณะที่แผนกระจายหุ้นเพิ่ม เจอโรคเลื่อนไม่มีกำหนด เพราะพิษสงครามมะกัน-อิรักรอบ2 ไม่มีแผนปิดสาขาจีน-สิงคโปร์ขณะนี้ เพื่อหนีไข้หวัด มรณะ

พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ฉายา "บิ๊ก หมง" ประธานกรรมการคนใหม่ ธนาคาร กรุง ไทยกล่าวว่า วานนี้ (2 เม.ย.)ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร เพื่อแต่งตั้งเขาเป็นประธาน กรรมการ และประธานกรรมการบริหาร คือ ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ เป็นทางการ

พล.อ. มงคลเปิดเผยว่าเขาพอใจผลดำเนินงานปี 2545 ธนาคารสามารถสร้างราย ได้เพิ่ม ด้วยการปล่อยสินเชื่อเพิ่มถึง 1.1 แสน ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2% จากปี 2544

ยันไม่ปลดวิโรจน์

สำหรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ที่มีข่าวว่าจะเปลี่ยนแปลง เพราะ นายวิโรจน์ นวลแขไม่สนองนโยบายรัฐบาลนั้น พล.อ.มงคลยืนยันว่า บอร์ดธนาคารจะยังคงให้นายวิโรจน์ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ตามสัญญา นายวิโรจน์มีอายุทำงานตำแหน่งดังกล่าว 3 ปี ปัจจุบัน ยังเหลืออายุตามสัญญาถึง 2 ปี ที่ผ่านมา นายวิโรจน์ก็แสดงให้ เห็นแล้วว่า การบริหารงาน และการดำเนินธุรกิจธนา คาร เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งมีกำไรจึงไม่น่าจะเปลี่ยน แปลงกรรมการผู้จัดการ

ส่วนประเด็นที่จะดึงกรรมการใหม่เพิ่มเขากล่าว ว่าขณะนี้ ยังไม่มีรายชื่อส่งมา ระเบียบธนาคาร มีกรรมการได้ 15-17 คน ปัจจุบัน ธนาคารมีกรรมการ 12 คน ซึ่งหากจะเพิ่ม ก็แล้วแต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ คือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กระทรวงการคลัง และฝ่ายบริหารธนาคาร จะเห็น ชอบ
ประสบการณ์ทหารตัวเชื่อมภาครัฐ

การรับตำแหน่ง ประธานกรรมการธนาคารกรุง ไทย พล.อ. มงคลกล่าวว่า ระหว่างที่เขารับราชการ ทหาร เป็นกรรมการ รัฐวิสาหกิจหลายแห่ง เมื่อเป็น ประธานธนาคารกรุงไทย ถือว่าเป็นรัฐวิสาหกิจแห่ง หนึ่ง จึงมั่นใจว่า จะทำหน้าที่ได้ดีที่สุด

โดยเฉพาะประสบการณ์จากทหารจะเป็นตัวเสริมติดต่อประสานงาน หรือการดำเนินธุรกิจภาครัฐอย่างดี นอกจากนี้การบริหารงานธนาคารเขาจะดูนโยบายให้มีกฎธรรมาภิบาล การอนุมัติเรื่องต่างๆ ต้องได้รับความเห็นจากคณะกรรมการทุกครั้งอยู่แล้ว เพียงแต่ดูแลให้โปร่งใสให้ผู้ถือหุ้น
ไข้หวัดมรณะไม่กระทบสาขาจีน-สิงคโปร์

เขากล่าวอีกว่ธนาคารกรุงไทยมีสาขาที่สิงคโปร์ และคุนหมิง จีน บอร์ดธนาคารสั่งการประสานงานไปสาขา ให้พนักงานระมัดระวัง ดูแลตนเองไม่ให้ไปสถานที่เสี่ยงกับการติดเชื่อไข้หวัดมรณะ ธนาคารยังคงเปิดดำเนินการสาขาตามปกติ เพียงแต่เพิ่มความระมัดระวังของพนักงาน

วานนี้ เขาร่วมประชุม เพื่อรับฟังฝ่ายบริหารธนาคารสรุปการดำเนินธุรกิจธนาคาร รวมทั้งภาพรวม เศรษฐกิจไทยคาดปี 2546 ธนาคารจะกำไรใกล้เคียง หรือสูงกว่าปี 2545 ปีที่แล้ว ธนาคารกำไร 8,000 ล้าน บาท

เป้าหมายปล่อยสินเชื่อธนาคารปีนี้ จะจับกลุ่ม ลูกค้าธนาคารอิสลาม และธนาคารชุมชน ซึ่งเป็นเครือข่ายธนาคารกรุงไทย รวมทั้งภาคธุรกิจส่งออก ภาคดังกล่าว ถือเป็นพื้นฐานช่วยเศรษฐกิจประเทศเติบโตมากยิ่งขึ้น

ยังมีนโยบายจะมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพบริหาร การเสี่ยง ยึดหลักธรรมาภิบาล และพยายามผลักดันธนาคารบริหารงานเป็นเอกชนมากที่สุด

ด้านให้บริการ ระยะต่อไปจะเพิ่มสาขาให้บริการ 24 ชั่วโมงมากขึ้น สินเชื่อธนาคารไตรมาสแรก เพิ่มสุทธิ 2.5 หมื่นล้านบาท จากช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา ธนาคารปล่อยสินเชื่อ 6.6 แสนล้านบาท ปล่อยสินเชื่อภาคธุรกิจขนาดกลาง-ขนาดย่อม(SMEs) และ รายใหญ่ ธุรกิจส่งออก รวมทั้งสินเชื่อภาครัฐ

เลื่อนกระจายหุ้นเพิ่มไม่มีกำหนด

สำหรับประเด็นกระจายหุ้นธนาคารกรุงไทยเพิ่มพล.อ.อัมพรกล่าวว่าคงต้องชะลอ เลื่อนไปก่อนไม่มีกำหนด เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่เอื้อรวมทั้งสงครามมะกัน-อิรักรอบ 2 ซึ่งกระทบการกระจายหุ้น ยังไม่จบจึงยังชัดเจน ทั้งเศรษฐกิจโดยรวมและการลงทุนของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ การกระจายหุ้นธนาคารเพิ่มจะขึ้นกับการตัดสินใจของกองทุนฟื้นฟูฯ เนื่องจากต้องนำหุ้นส่วนที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถือกระจายขายให้นักลงทุนเพิ่ม

หนี้เน่า 11.5% ต่ำสุดในระบบแบงก์ใหญ่

สินเชื่อส่วนใหญ่ มุ่งเน้นภาคธุรกิจสำคัญกับ การพัฒนาประเทศ ขณะเดียวกัน สามารถบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ ทำให้คุณภาพ สินเชื่ออยู่ในเกณฑ์ดี ธนาคารมีหนี้เน่า(NPLs) 11.5% ของพอร์ตสินเชื่อธนาคารทั้งหมด ซึ่งถือว่าต่ำสุดเมื่อเทียบธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในประเทศด้วยกัน

ยังกำไรสุทธิถึง 8,009.8 ล้านบาท รวมทั้งตัด ขาดทุนสะสมได้หมด ทำให้จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ธนาคารแรก ตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจ 5 ปีที่แล้ว ปีนี้ ธนาคารคาดว่าจะทำกำไรใกล้เคียงปี 2545 เนื่อง จากธนาคารปล่อยสินเชื่อต่อเนื่อง

ปีที่ผ่านมา ธนาคารเน้นปล่อยสินเชื่อรากหญ้า (Micro credit) เพื่อกระจายฐานลูกค้าไปกลุ่มรายย่อยมากขึ้น ตามนโยบายรัฐบาลเสริมสร้างเศรษฐกิจ ไทยขยายตัวยั่งยืน โดยฝ่ายงานธนาคารชุมชน ดูแลปล่อยสินเชื่อให้ชุมชนระดับรากหญ้าของประเทศ ให้เข้มแข็ง

รวมทั้งให้สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือลูกค้า NPLs ที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้ว แต่ยังขาดเงินทุนหมุนเวียน เพื่อให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจต่อได้จะช่วยเหลือเศรษฐกิจ ฟื้นตัวยั่งยืนอีกทาง

ขยายสินเชื่อเอสเอ็มอีเป็น 2.9 หมื่นล้านบาท

ด้านธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ธนาคารร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เร่งอัดฉีดเงินเข้าสู่ลูกค้าที่มีศักยภาพทุกกลุ่ม ปี 2545 ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้า SMEs ถึง 2.7 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมาย 2.5 หมื่นล้านบาท จะขยายเป็น 2.9 หมื่นล้านบาทปีนี้

สำหรับธนาคารอิสลาม กรุงไทยเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรก เปิดให้บริการธนาคารอิสลามครบ วงจร เปิดดำเนินการแล้ว 10 สาขา มีแผนเปิดเพิ่มอีก 40 สาขาปีนี้ เพื่อครอบคลุมทั่วประเทศ

พล.อ.มงคลกล่าวต่อไปว่า แผนบริหารงานธนาคารกรุงไทยปีนี้ ด้านบริหารจัดการ ธนาคารจะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพ บริหารความเสี่ยง และระบบการควบคุมภายใน ส่วนด้านดำเนินงานธนาคารยัง คงมีนโยบายขยายสินเชื่อ และกระจายฐานลูกค้าธนาคารมากขึ้น โดยใช้เครือข่ายธนาคารชุมชน และธนาคารอิสลาม

ส่วนการหารายได้ ธนาคารจะขยายฐานรายได้ ค่าธรรมเนียม รับชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ รับชำระ ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ (Payment, settlement & clearing) จะรับชำระเงินให้หน่วยงานต่าง ๆ ภาครัฐ และตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งทำหน้าที่เป็น รับจอง ซื้อและรับจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเช่ารถ โรงแรม และบริการอื่นๆ (Payment Gateway) บริษัทท่อง เที่ยวสมาชิกธนาคาร

ประธานกรรมการธนาคารกรุงไทยกล่าวถึงความมุ่งมั่นของธนาคารว่า ธนาคารบริหารงานโดยเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) เพื่อมุ่งสู่ความเป็น "ธนาคารสะดวกใช้บริการ" (Convenience Bank) คือเป็นศูนย์รวมบริการการเงินหลากหลาย ตรงความนิยมทำเลตั้งอยู่ในที่เหมาะสม ครอบคลุมทุกพื้นที่

ลูกค้าสะดวกซื้อ ชำระง่าย ไม่เสียเวลา และให้ บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ธนาคารจึงได้นำระบบ ศูนย์กลางระบบธนาคารใหม่ (New Core Banking System) และศูนย์รับติดต่อ (Contact Center) ใช้แทนระบบงานปัจจุบัน

เพื่อให้ธนาคารมีระบบงานให้บริการธุรกิจหลัก ทั้งหมดของธนาคาร ได้แก่ เงินฝาก สินเชื่อ และรับชำระเงิน ลดต้นทุน และทำให้ธนาคารเพิ่มขีดความสามารถการเสนอบริการอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเป็นระบบที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ และ บริการการเงิน ตรงความต้องการลูกค้า