ณ ริมชายหาดของหัวหินอันสวยงามที่เลื่องลือชื่อในฐานะ Luxury destination นุสรา บัญญัติปิยพจน์ CEO ของบริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ได้ลงทุนกว่า 900 ล้านบาท ในที่ดินเก่าแก่ของตระกูลอัสสกุล 22 ไร่ เพื่อสร้างสรรค์คุณค่ามหัศจรรย์แห่งความสุขที่จับต้องได้ใน "อัสสรา วิลล่า แอนด์ สวีท (ASARA Villa and Suite)" ซึ่งขณะนี้ถือว่าเป็นรีสอร์ตหรูที่ราคาแพงที่สุดแห่งหนึ่งในหัวหิน
ASARA จะมีให้เลือกพักสองแบบ คือ วิลล่า หรือห้องพักสวีท สำหรับวิลล่าใหญ่ติดชายทะเล (The Presidential Villa) แบบสองห้องนอนใหญ่ระดับแกรนด์ มีสระว่ายน้ำจากุซซี่ ส่วนตัวขนาดใหญ่ มีห้องสตรีมซาวน่า และห้องน้ำใหญ่เท่ากับห้องนอน เพียบพร้อมด้วยบริการ ของพนักงาน 3 คนต่อหลัง อัตราค่าบริการคืนละ 69,000 บาท แต่ช่วงแนะนำถึงตุลาคม ASARA ใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายโดยมีส่วนลด 40% จึงเหลือเพียง 48,300 บาทเท่านั้น
เป็นที่รู้กันว่า ขณะนี้ราคาที่ดินริมทะเลของหัวหินนั้นซื้อขายกันตารางวาละแสน หรือตกไร่ละห้าสิบล้าน ก็ยังหาซื้อได้ยาก เพราะกระแสการลงทุนระดับโลกที่เป็นเชนโรงแรมดังๆของโลก เป็นตัวบ่งชี้วัดการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวระดับสูงของเมืองหัวหินได้ดี โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้หลั่งไหลเข้าหัวหินและเกาะสมุยเพิ่มมากขึ้น หลังเกิดสึนามิที่ภูเก็ต ปลายปี 2547
ดังนั้น เมื่อทิศทางลมเปลี่ยน จังหวะและโอกาสอำนวยผล นุสราจึงตัดสินใจพัฒนาที่ดินผืนใหญ่นี้ขึ้นมา ทำให้วงการตื่นเต้นและจับตาความเคลื่อนไหวของเธออย่างใกล้ชิดเมื่อเธอเริ่มต้นขยับเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว
อะไรคือ value creation ที่เธอใส่เข้าไปยังที่ดินผืนใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สนามบินเล็กหัวหินและหันหน้าสู่ทะเลปากอ่าวไทย แลเห็นภาพพาโนรามาทะเลสุดขอบฟ้าที่งดงาม?
คำตอบคือ เสน่ห์ของหัวหิน+ทักษะการบริหารจัดการ+ทุน+จุดขายไลฟ์สไตล์ระดับสูง ที่นุสราสามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มในการพัฒนาที่ดินผืนงามนี้ให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด โดยมีทีมทำงานหลักภายใต้การนำของกล้า กิจการ Vice President ของโอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในงาน Hospitality business เกี่ยวกับ โรงแรมทุกแห่งของโอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้
"Logic ของการลงทุนทำอัสสรานั้น นุสคิดในเชิงผลตอบแทนการลงทุนและเชิงการตลาดที่จะหาอะไรที่แตกต่างจากคนอื่นทำกันอยู่มากกว่า ณ ปัจจุบัน นุสยังปรู๊ฟไม่ได้ว่า มัน success ระดับไหน เพราะเพิ่งจะเสร็จ" นุสราเล่าให้ฟังขณะเดินทางสุดสัปดาห์ไป ASARA เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยก่อนจะเปิดเป็นทางการเดือนมิถุนายนซึ่งจะเปิดรับลูกค้าระดับสูงจากญี่ปุ่นและเกาหลีก่อน
โครงการ ASARA นี้ นุสราได้เลือกบริษัท KTGY Inter-Associates เป็นสถาปนิกออกแบบ สถาป’ตยกรรมและตกแต่งภายในด้วยบริษัท ลีโอ อินเตอร์เนชั่นแนล ดีไซน์ของคงศักดิ์ ยุกตะเสวี ที่ให้เอกลักษณ์เฉพาะตัวมากทั้งด้านสไตล์และรูปแบบของสถาปัตยกรรมลักษณะ Thai contem-porary ผสมบาหลี เน้นสีขาวและดำที่แลแล้วรู้สึกคลาสสิก เพดานสูง และการตกแต่งภายในที่เน้นความโปร่ง กรุรอบบ้านด้วยกระจกใสและบานประตูสูงเกิน 2 เมตร
"นุสเป็นคนที่ต้องการให้เขาออกแบบชนิดพอเขาตื่นขึ้นมาต้องรู้ว่าอยู่เมืองไทย ไม่ใช่อยู่ใน มาเลย์ หรืออินโดนีเซีย นุสจะต้องคอยกำกับให้คุณแดง (คงศักดิ์ ยุกตะเสวี) ซึ่งเป็นคนสมัยใหม่มากๆ ตลอดเลย ไม่ใช่ว่าตื่นมาเป็นสมัยใหม่จนไม่รู้ว่าชาติไหน"
แม้ว่าแนวทางการออกแบบจะเน้นความแตกต่างจากที่อื่นๆ แต่ผลที่ออกมาได้ความรู้สึก Luxury resort design มากๆ เช่น การวางผัง lay out การกำหนดวางแผนพื้นที่ขนาดใหญ่ของห้องนอนและห้องน้ำให้เท่ากันและประโยชน์ใช้สอยเต็มที่ โดยเฉพาะให้พื้นที่เกี่ยวกับน้ำมากที่สุด เช่น สระว่ายน้ำส่วนตัว, ห้องน้ำขนาดใหญ่เท่าห้องนอน, พื้นที่อาบน้ำชาวเวอร์กลางแจ้งที่เป็นส่วนตัว, อ่างอาบน้ำหินขัดที่เพียบพร้อมด้วยจากุซซี่นวดตัว, ลากูนใหญ่รายล้อมวิลล่า, สระมรกตและสระน้ำด้านหน้าที่อยู่ในระนาบเดียวกับทะเลใหญ่
"อัศจรรย์แห่งน้ำ" จึงเป็นคอนเซ็ปต์ประการหนึ่งที่เห็นเด่นชัดของASARA นอกเหนือจาก "ความเป็นส่วนตัว (privacy)" ที่จัดให้อยู่เหมือนบ้านส่วนตัวแต่ละหลัง โดยจะมีพนักงานคอยบริการรับใช้ 3 คนต่อหลังหนึ่ง สมดังคำสโลแกนว่า ASARA surrounds you with pleasure.
การเกิดของ ASARA ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในวงการพรอพเพอร์ตี้พอสมควร ถึงขนาด อนันต์ อัศวโภคิน แห่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ยังแอบมาศึกษาโครงการ ASARA แห่งนี้ในช่วง pre-opening และล่าสุด ธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ แห่งนิรันดร์คอนโดมิเนียม ที่จับตลาด mass ก็มาทัวร์ทั้งคณะและได้พบกับนุสราโดยบังเอิญ งานนี้นุสราเต็มใจเป็นไกด์กิตติมศักดิ์นำชม ASARA ด้วยตนเอง
"เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว นุสคิดจะ work model เป็นโรงแรมประมาณ 300 ห้อง แต่ค่าก่อสร้างสูงมาก ก็เลยลองคิดเป็น villa และห้องสวีทซึ่งหายากในหัวหิน นุสก็เดินทางไปตามรีสอร์ตวิลล่าตามสถานที่ต่างๆ เช่น มัลดีฟส์ บาหลี ภูเก็ต เชียงใหม่ ไปลองมาหมด แต่ที่หัวหิน นุสพบว่าเซกเมนต์นี้มีไม่เยอะ" นุสราเล่าให้ฟังถึงตัวแปรทางการตลาดที่เปลี่ยนไปเน้นชาวต่างประเทศที่มีอัตราเข้าพักที่หัวหินมากถึงร้อยละ 90
นอกจากนี้พื้นที่ติดกับ ASARA อีก 10 กว่าไร่ ซึ่งขณะนี้กำลังทำฐานรากอยู่ นุสราได้ลงทุนอีก 600 ล้านบาท เพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศระดับพรีเมียมภายใต้ชื่อ "Ocean Villa" เพื่อตลาดระดับไฮเอนด์ที่มีกำลังซื้อบ้านหลังที่สองหลังละ 20 ล้านบาทได้
ด้วยทักษะการบริหารและประสบการณ์ของนุสรา ที่สร้างสรรค์โครงการระดับหรูมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี ตั้งแต่เรียนรู้จากคุณพ่อคือกฤษณ์ อัสสกุล ผู้ริเริ่มสร้างโครงการ โอเชี่ยน มารีน่า ยอชต์คลับแห่งแรกของไทย, ซานมารีโน่และล่าสุดโครงการคอนโดมิเนียมหรู "โอเชี่ยนพอร์โตฟิโน่" ที่พัทยาที่มีกำหนดเสร็จปีหน้า โดยถือหลักนุสราว่า "ความต้องการของลูกค้าคือธุรกิจของเรา"
"นุสปูทางไว้ให้ลูกค้าว่าตึกนี้ติดกับท่าเรือ ในระยะยาวมูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้น ลูกค้าซื้อก็คาดหวังได้ว่าจะได้ value capital gain เพิ่มขึ้น เพราะนุสเชื่อว่าความสามารถในการบริหารราคาของเราที่สร้างเสร็จแล้วใช้ได้ดี ทำให้ตึกลูกค้าไม่โทรม ราคาไม่ตกแน่นอน" นุสราชี้ให้เห็นว่าการลงทุนที่นี่จะให้ yield management ที่คุ้มค่าระยะยาว
จะเห็นได้ว่า นุสรามีทักษะการบริหารจัดการโครงการระดับแนวสูงมากกว่า เช่น คอนโดมิเนียมหรู "โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่" ที่พัทยา ขณะที่ ASARA เป็นโครงการแนวราบที่เธอใช้เวลาถึงสองปีกว่าจะเปิดตัว
"นุสชอบแนวสูง สนุกกว่าและไม่จุกจิก ตอนแรกก็คิดจะสร้างสูงแต่ลงทุนเยอะ ครั้นจะสร้างน้อยก็เสียดายที่ดินมันแพง สุดท้ายก็ตัดสินใจสร้างเป็นวิลล่าดีที่สุดที่หัวหินไม่มี" เธอเล่าให้ฟัง
เดิมที่ดินผืนงาม 33 ไร่นี้ คุณพ่อของเธอได้รื้อบ้านไม้ที่สุขุมวิทมาสร้างบ้านหลังเล็กๆ ริมหาด และสร้างเทอเรสใต้ต้นก้ามปูใหญ่โบราณ กฤษณ์รักทะเลเหมือนบ้าน และชอบเล่นเรือเป็นชีวิตจิตใจ บางครั้ง land bank บริเวณริมชายฝั่งทะเลหลายแห่งได้มาจากความชอบส่วนตัวของพ่อเธอ เช่น พัทยา หัวหิน ปราณบุรี เกาะเสม็ด เกาะสมุย เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา เป็นต้น
"เมื่อพ่อจะซื้อ พ่อจะคิดในใจว่าตรงนี้จะมีโอกาสทำอะไรบ้างในอนาคต ไม่ใช่ซี้ซั้วซื้อเหมือนซื้อลอตเตอรี่"
ที่หัวหิน กฤษณ์ใช้เวลาส่วนใหญ่กับทะเล เล่นเรือ และพักผ่อนเป็นเดือนๆ ก็มี บางครั้ง ก็นำลูกน้องมาประชุมพูดคุยกันใต้ต้นก้ามปูที่จะมีเทอเรสไม้ยาว เมื่อสมบัติชิ้นงามนี้อยู่ในมือเธอ นุสราได้ใส่ใจและมุ่งมั่นที่จะสร้างสินทรัพย์นี้ให้มีมูลค่าสูงสุดยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา
นุสราเป็นลูกสาวที่ผูกพันใกล้ชิดกับพ่อมากๆ ตั้งแต่วัยเยาว์ที่เธอเรียนมาแตร์เดอี พ่อจะรู้จักเพื่อนลูกทุกคนขนาดเคยพาเด็ก 14 คนรอดจากการหลงป่าที่เขาใหญ่ได้ เป็นพ่อที่รู้ใจให้ของขวัญถูกใจเสมอ เมื่อต้องไปเรียนต่อที่ UCLA จนกระทั่งจบปริญญาตรีคณิตศาสตร์และ ปริญญาโท MBA เธอกลับมาทำงานกับพ่อ โดยได้เรียนรู้หลักคิดก่อนตัดสินใจที่จะไม่ทำให้ธุรกิจเสียหาย
"ตอนที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 นุสคิดว่าเราไม่ได้เสี่ยงเกินไป คุณพ่อจะคอยเตือนเรื่องค่าเงิน สมัยนั้นเราจะบอกพ่อว่ากู้เงินเป็นดอลลาร์จะถูกกว่ากู้เป็นบาทมากนะ แถมแบงก์ยังมาคุยขอทำ swap เป็นดอลลาร์ พ่อก็จะคอยเตือนว่า ถึงจะถูกก็ไม่สำคัญ แต่เราไม่ควรเสี่ยง สภาวะแบบนี้เงินบาทน่าจะอ่อน ตอนนั้นเรามี loan ที่เป็น offshore loan เราก็ convert ก่อนเกิดลดค่าเงินบาท เป็นเพราะพ่อแนะนำไว้" หลักคิดเชิงอนุรักษ์เช่นนี้ทำให้ธุรกิจครอบครัว ตระกูลอัสสกุลรอดพ้นหายนะได้ท่ามกลางซากปรักหักพังทางเศรษฐกิจ
หลังสิ้นบิดาในปี 2545 นุสราได้ทุ่มเทพลังทำงานมากขึ้น เธอได้ปรับยุทธศาสตร์ของการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นเอกภาพภายใต้ชื่อใหม่ว่า "บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้" เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านการเงินและ brand identity ทางการตลาด ที่มีประสิทธิ ภาพและทำการตลาดสู่ตลาด โลกได้ เช่น สิ้นปีนี้เธอจะนำโครงการของโอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ไปออกงาน Property Fair ที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นงานระดับ wholesale developer ที่จัดให้นักลงทุนซื้อหรือเช่าทั้งตึกหรือทั้งฟลอร์
"เราจะเอาพอร์โตฟีโน่ คอนโดมิเนียมหรูที่พัทยาที่คาดว่าจะเหลืออยู่ และเรายังมีคอนโดฯ office building อีกสองตึกที่พระราม 3 ซึ่งเราจะไปช่วยขายพื้นที่ให้ไทยสมุทรฯ ด้วย นอกจากนี้เรายังมีโปรเจ็กต์บ้านที่วิภาวดีรังสิตด้วย โอกาสที่พวก wholesaler เขาจะมองแง่การลงทุนมากกว่า ซึ่งเราก็สามารถบริหารการเช่าให้เสร็จ เป็นรายได้การเช่าคืนมาในรูปเงินลงทุน เป็น Capital gain แต่นุสจะไม่สนใจพวกเก็งกำไรเลยเพราะพวกนี้ทำให้ระบบเสียและไม่ค่อยยอมโอน เมื่อส่งมอบเสร็จแล้ว" นี่คือแนวทางจับตลาดลูกค้าที่เป็นนักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่ง
ปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ แบ่งออกเป็นสามลักษณะคือ หนึ่ง-สร้างเพื่อขาย, สอง-สร้างเพื่อให้เช่า และสาม-ธุรกิจโรงแรมและยอชต์คลับ (ดูตารางโครงการทั้งหมด) โดยฐานเงินทุนมาจากไทยสมุทรประกันชีวิตและธนาคารเป็นหลัก ขณะที่แผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเป็นเรื่องของอนาคต
นุสราบริหารการเงินการลงทุนของธุรกิจหลักทั้งสาม ซึ่งขณะนี้มีมูลค่าลงทุน กว่า 3,700 ล้านบาทในมือ ให้มีความสมดุลกันได้ ด้วยการยึดหลักคำพ่อที่สอนเธอเรื่องตีกอล์ฟซึ่งเป็นกีฬาโปรดของเธอขณะนี้ว่า "ตีอย่างไรให้ไกลและเสียน้อยที่สุด" โดยเฉพาะกับการลงทุนที่ไม่ใช่น้อยกับ ASARA ที่อาจจะสร้างมหัศจรรย์แห่งสุขให้เธอ ได้ด้วยการตีครั้งเดียวลงหลุม hole in one ก็เป็นได้...
|