Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2550








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2550
คอนโดฯ หรูกลางกรุงยังน่าลงทุน             
โดย ณัฐวัฒน์ หอมจิตต์
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด

   
search resources

ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย), บจก.
Real Estate
Consultants and Professional Services




ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะโอเวอร์ซัปพลายในตลาดคอนโดมิเนียม ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ยังมั่นใจว่าการซื้อในคอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อลงทุนระยะยาวยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำรายหนึ่งของไทยทำการสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพมหานครช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบว่า ถึงแม้ยอดขายคอนโดมิเนียมในตลาดรวมจะมีการเติบโตช้าลงตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว เนื่องจากปัญหาในด้านการเมืองและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่โครงการคอนโดมิเนียมระดับบนที่มีราคา ตั้งแต่ 80,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไปและอยู่ในทำเลย่านใจกลางเมืองยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง

"ถึงแม้จะมีความต้องการซื้อจากนักลงทุนระยะยาวหลายราย แต่เจ้าของห้องชุดในหลายโครงการกลับไม่ต้องการขาย เพราะมองเห็นถึงศักยภาพของโครงการ โดยเฉพาะ ในทำเลที่อยู่ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้า" อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีฯ กล่าว

จากข้อมูลของซีบีฯ ระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ผู้ซื้อคอนโดมิเนียมระดับบนในทำเลที่ดีได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจ เนื่อง จากราคาห้องเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ 30-50% และยังมีผลตอบแทนในรูปของค่าเช่า ซึ่งโดยเฉลี่ย อยู่ที่ระดับ 5-7% ต่อปีเลยทีเดียว

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาคอนโดมิเนียม ปรับตัวสูงขึ้นมาจากความต้องการที่มีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนในการก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งราคาที่ดินก็ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะที่ดินในย่านใจกลางธุรกิจ เนื่องจากที่ดินที่เหมาะแก่การสร้างคอนโดมิเนียมเหลือน้อยลง

ปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคาคอนโดมิเนียม ในย่านใจกลางเมืองปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมระดับบนย่านสาทรในปี 2545 อยู่ที่ตารางเมตรละ 58,100 บาท ปัจจุบันราคาขึ้นมาอยู่ที่ตารางเมตรละ 80,000 บาท ย่านลุมพินีราคาในปี 2545 อยู่ที่ตารางเมตรละ 77,500 บาท ปัจจุบันอยู่ที่ตารางเมตรละ 108,000 บาท และย่านสุขุมวิทในปี 2545 อยู่ที่ตารางเมตรละ 49,000 บาท ปัจจุบันขึ้นมาที่ 88,000 บาทต่อตารางเมตร

ถึงแม้ราคาจะขึ้นมาแล้วแต่อลิวัสสาเชื่อว่า ระดับราคาดังกล่าวยังมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นได้อีก เนื่องจากแนวโน้มซัปพลายคอนโดระดับบนจะมีปริมาณลดน้อยลง โดยดูจากตัวเลขการเปิดตัวโครงการใหม่ ซึ่งในปี 2548 มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมระดับบนจำนวนทั้งสิ้น 1,788 ยูนิต ขณะที่ในปี 2549 ลดลง 38% เหลือเพียง 1,097 ยูนิต ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมีโครงการใหม่เปิดตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้ว

นอกจากในด้านซัปพลายแล้ว เมื่อเปรียบเทียบระดับราคากับประเทศในภูมิภาค นี้จะพบว่า ราคาคอนโดมิเนียมระดับบนในกรุงเทพฯ มีราคาต่ำกว่ามาก โดยราคาเฉลี่ยที่ฮ่องกงจะอยู่ที่ตารางเมตรละ 860,000-960,000 บาท ในสิงคโปร์อยู่ที่ตารางเมตรละ 480,000 บาท เซี่ยงไฮ้ 120,000-140,000 บาทต่อตารางเมตร และในประเทศเวียดนาม ซึ่งตลาดคอนโดมิเนียมเพิ่งเริ่มได้รับความสนใจก็มีระดับราคาใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ แล้ว คือ 100,000-130,000 บาทต่อตารางเมตร

อลิวัสสากล่าวว่า ถึงแม้ตลาดคอนโด มิเนียมจะชะลอตัวลงบ้างในปัจจุบันแต่เป็นเพราะนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น ทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจ จึงชะลอการซื้อไม่ได้เกิดจากนักลงทุนมีปัญหาด้านการเงินแต่อย่างใด ดังนั้นหากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นตลาดหรือสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาได้เชื่อว่าจะช่วยให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อลงทุนอีกครั้งหนึ่ง

มาตรการที่เธอเห็นว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดได้ทันทีคือ การลดภาษีธุรกิจเฉพาะลดค่าธรรมเนียมการโอนและการเพิ่มสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์ของชาวต่างชาติจาก 49% เป็น 70% ซึ่งมาตรการสุดท้ายนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณความต้องการให้สูงขึ้นและยังจะขยายไปสู่ตลาดที่พักตากอากาศแห่งอื่นในประเทศไทยได้อีกด้วย

"ตอนนี้สัดส่วนชาวต่างชาติมาซื้อโครงการในกรุงเทพฯ ยังอยู่ที่ 30-40% ยังไม่ชนเพดาน แต่ที่ภูเก็ต พัทยา ชนเพดานแล้ว ชาวต่างชาติที่จะซื้อในทำเลนั้นก็ต้องเลี่ยงไปซื้อโครงการอื่น ทำให้หลายโครงการเสียโอกาสไป"

จากการสำรวจกลุ่มนักลงทุนระยะยาว ในตลาดคอนโดมิเนียมของซีบีฯ ในกลุ่มตัวอย่าง 3,855 ยูนิต พบว่า ชาวต่างชาติ 5 อันดับแรกที่เข้ามาลงทุนในคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ได้แก่ อังกฤษ อเมริกัน สิงคโปร์ ออสเตรเลียและเกาหลี โดยนอกจากการซื้อเพื่อลงทุนแล้วยังมีความต้องการเช่าจากชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยอีกมาก เนื่องจากปริมาณชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยเพิ่มขึ้นในอัตรา 10-13% ต่อปี ในขณะที่ ปริมาณคอนโดมิเนียมหรืออพาร์ตเมนต์ให้เช่ามีเพิ่มขึ้นเพียง 1-2% ต่อปีเท่านั้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us