|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มิถุนายน 2550
|
|
จากจุดเริ่มต้นในปี 2546 ด้วยผู้ก่อตั้งวัยหนุ่มเพียง 2 คน ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ฯ กำลังเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจครั้งสำคัญ หลังเจาะตลาดบ้านในเมืองได้สำเร็จ
หากวัดจากอายุต้องถือว่าบริษัท ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ น้องใหม่รายหนึ่งของวงการ เพราะเพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2546 นี้เอง แต่สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดบ้านในเมืองและสร้างพื้นที่ของตัวเองได้แล้ว และในปีนี้เตรียมขึ้นโครงการใหญ่ คอนโดมิเนียม 30 ชั้น 800 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท
"ผมฟังและเชื่อที่ผู้รู้ทุกท่านบอกว่าตลาดนี้มีคนเล่นเยอะ ทุกคนต้องระวัง ไม่ว่า จะดีเวลล็อปเปอร์หรือผู้บริโภค แต่ผมเชื่อว่าเราก็มีดีของเรา เรามีกระบวนการศึกษาในแง่แนวความคิด การออกแบบ การขายหรือหลักการตลาดที่เราน่าจะสู้คนอื่นได้" ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ ธนาพัฒน์ฯ กล่าวถึงการตัดสินใจขึ้นโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้ ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะคอนโดมิเนียมล้นตลาด
ถึงแม้จะยังไม่สามารถบอกถึงทำเลที่ จะขึ้นโครงการคอนโดมิเนียมได้ แต่ดลพิวัฒน์เผยว่าจะอยู่ในทำเลใกล้เส้นทางรถไฟฟ้าที่เป็นจุดตัดของ BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยขณะนี้ได้เตรียมงานคืบหน้าไปมากแล้ว ทั้งเรื่องของการศึกษาตลาด กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ไปจนถึงระดับราคาที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาทต่อตารางเมตรและจะเปิดตัวภายในปีนี้แน่นอน
โครงการนี้จะเป็นคอนโดมิเนียมตึกสูงโครงการแรกของธนาพัฒน์ฯ โดยในปี 2547 ธนาพัฒน์ฯ เคยพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมาแล้วที่ซอยสุขุมวิท 24 ในชื่อ ธนาพัฒน์ 24 เป็นคอนโดมิเนียมความสูง 8 ชั้น จำนวน 78 ยูนิต ซึ่งขณะนี้ปิดการขายไปแล้ว
นอกจากโครงการคอนโดมิเนียมธนาพัฒน์ 24 แล้ว ธนาพัฒน์ฯ มีประสบ การณ์พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในเมืองหลากประเภท ทั้งที่เป็นทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์และบ้านเดี่ยว ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการอยากลองเพื่อหาประสบการณ์ของชัชวาลย์ ปรีดาวิภาต ประธานกรรมการ และดลพิวัฒน์ 2 หนุ่มลูกพี่ลูกน้องผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท
ชัชวาลย์เป็นบุตรชายของบรรเจิด ปรีดาวิภาต ขณะ ที่ดลพิวัฒน์เป็นบุตรชายของพิพัฒน์ ปรีดาวิภาต ทั้ง 2 คน ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มเล้าเป้งง้วนมาตั้งแต่ปี 2515 ปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กรายใหญ่ของไทย
ดลพิวัฒน์จบการศึกษา ระดับปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และปริญญาโทจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในสาขาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อธุรกิจอุตสาหกรรม หลังจากเริ่มต้นชีวิตการทำงาน ในกลุ่มเล้าเป้งง้วนได้ระยะหนึ่ง เขาและชัชวาลย์มีความสนใจเริ่มธุรกิจของตนเองจึงได้แยกออกมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
"ตอนแรกก็ยังไม่ได้คิดว่าจะทำอสังหาริมทรัพย์ คิดกันว่าจะเปิดร้านกาแฟ ร้านอาหาร บริษัทคอมพิวเตอร์เหมือนวัยรุ่นทั่วๆ ไป แต่คุณพ่อผมบอกว่าเศรษฐีทุกคนเขาทำธุรกิจอสังหาฯ จะค้าที่ดินหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับอสังหาฯ และเหตุผลอีกข้อ ก็คือคุณพ่อผมเชื่อว่าการทำบ้านให้คนอยู่จะได้บุญ" ดลพิวัฒน์เล่าถึงที่มาของธนาพัฒน์ฯ เพื่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ธนาพัฒน์ฯ วางบทบาทเป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยในเขตเมือง เนื่องจากเชื่อว่าตลาดนี้ยังมีช่องว่างที่สามารถสอดแทรกได้ ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มให้ความสนใจที่อยู่อาศัยในเขตเมืองมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาการจราจรและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
ปัจจัยดังกล่าวรวมเข้ากับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนั้นฟื้นตัวพอดี ทำให้ธนาพัฒน์ฯ ประสบความสำเร็จตั้งแต่โครงการแรกที่ทำ ในชื่อบ้านอรุณพัฒน์อรุณอัมรินทร์ ขนาด 30 ยูนิต มูลค่า 170 ล้านบาท
"ผมเปิดแค่เดือนเดียวก็ขายหมด 30 ยูนิต ทั้งที่วันนั้นกำลังถมที่ เสาเข็มยังไม่ได้ตอก แบบเพิ่งเขียนเสร็จ ออฟฟิศขายยังตั้งไม่เรียบร้อยเลย ผมกับคุณชัชวาลย์ตอนนั้นอายุรวมกันยังไม่ถึง 50 ปี หาเงินก้อนแรกได้กำไร 10 กว่าล้าน มือสั่น มันดีใจ แล้วก็คันไม้คันมืออยากทำต่อ"
ในปีเดียวกัน ธนาพัฒน์ฯ เปิดโครง การทาวน์เฮาส์อีก 2 โครงการที่สุขสวัสดิ์ และพระราม 3 รวมมูลค่าโครงการในปีแรก 800 ล้านบาท หลังจากนั้นมาชิมลางในตลาดคอนโดมิเนียมด้วยโครงการธนาพัฒน์ 24 และขยายไปทำโครงการบ้านเดี่ยวอรุณพัฒน์ป่าตอง ที่จังหวัดภูเก็ต ต่อมาเปิดโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ในย่านพระราม 3 คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งหมดกว่า 4 พันล้านบาท
นอกจากการเตรียมขึ้นโครงการคอนโดมิเนียมแล้ว ปีนี้ธนาพัฒน์ฯ ยังเตรียมตัวที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกด้วย โดยคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ภายในเดือนสิงหาคมและหากไม่มีข้อติดขัดก็น่าจะได้รับอนุมัติภายในปีนี้ ส่วนจะเข้าทำการซื้อขายในปีนี้หรือปีหน้าจะต้องรอดูสภาพตลาดหุ้นในขณะนั้นเป็นหลัก
ดลพิวัฒน์คาดว่าการเข้าตลาดหลัก ทรัพย์น่าจะระดมทุนเข้าบริษัทได้ราว 400 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้ส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในการซื้อที่ดินเพื่อเตรียมขึ้นโครงการใหม่ ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทเพื่อรองรับการขยายงานในปีต่อไป เพราะตามแผนงานที่วางไว้ หลังจากขึ้นโครงการคอนโดมิเนียมขนาด 800 ยูนิตในปีนี้แล้ว ปีหน้าจะเปิดโครงการแนวราบแห่งใหม่อีก 2-3 โครงการ รวมทั้งกำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการคอนโด มิเนียมแห่งใหม่อีกด้วย
ปีที่ผ่านมาธนาพัฒน์ฯ มีรายได้ 1,200 ล้านบาทคิดเป็นกำไรสุทธิ 80 ล้านบาท สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,300 ล้านบาทและกำไร 150 ล้านบาท
"3 ปีที่ผ่านมา เราเหมือนกับเด็กที่ค่อยๆ หัดเดิน ก็เดินบ้างล้มบ้าง เพราะประสบการณ์ยังไม่มีและทีมงานก็สร้างกันใหม่ทั้งหมด แต่เราเชื่อมั่นว่าที่ทำมาเราไม่ได้เดินหลงทางและเราก้าวแทบไม่ผิด การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เหมือนการที่ผมได้ตัวช่วยที่ดีที่สุดในเวลานี้ จะช่วยให้เราวิ่งได้เร็วและแรง" ดลพิวัฒน์กล่าว
|
|
|
|
|