Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2550








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2550
Dream the (im)Possible Dream             
โดย ณัฐวัฒน์ หอมจิตต์
 

 
Charts & Figures

เป้าหมายรายได้ของพฤกษา เรียลเอสเตท
ผลงานของพฤกษา เรียลเอสเตท

   
related stories

ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ "คนที่ทำคอนโดฯ เป็น ผมว่ามีอยู่ไม่เยอะ"
ลดต้นทุนด้วย Economy of Scale & Speed

   
www resources

โฮมเพจ พฤกษา เรียลเอสเตท
โฮมเพจ บริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด

   
search resources

พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ.
ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์
ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต
Real Estate
อควาเรียส เอสเตท, บจก.
ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์
วีระ ศรีชนะชัยโชค




พฤกษาเรียลเอสเตทสร้างความฮือฮาตั้งแต่ต้นปีเมื่อแถลงแผนดำเนินงานขยายตัวครั้งใหญ่ ตั้งเป้าจะขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยภายในปี 2553 บริษัทแห่งนี้มีดีอะไรถึงกล้าประกาศ "สู่ฝันอันยิ่งใหญ่" เช่นนี้

วันที่ 9 มกราคม 2550 บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) แถลงแผนดำเนินงานประจำปีต่อนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และสื่อมวลชน แผนธุรกิจที่แจกแจงรายละเอียดในวันนั้นสร้างความฮือฮาอย่างมาก เมื่อทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้จัดการ พฤกษาฯ ประกาศเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยภายในปี 2553

ถึงแม้ไม่ได้กล่าวออกมาแต่ทุกคนก็รู้ว่าการจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้หมายถึงพฤกษาฯ จะต้องโค่น "แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" เจ้าตลาดที่ครองอันดับ 1 มาต่อเนื่องยาวนานลงให้ได้ แน่นอน ทุกคนที่ได้ยินล้วนกังขาต่อความเป็นไปได้ของเป้าหมายนี้

เมื่อดูจากตัวเลขผลดำเนินงานปี 2549 พฤกษาฯ มีรายได้รวม 8,203 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,303 ล้านบาท ขณะที่แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีรายได้รวมอยู่ที่ 19,552 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 3,247 ล้านบาท แค่คิดคร่าวๆ ก็เห็นแล้วว่ายังห่างกันเกินเท่าตัวทั้งยอดรายได้และกำไร จนบางคน ถึงกับเปรียบว่าเป็นเหมือนพนักงานออฟฟิศทำงานกินเงินเดือนแต่ฝันอยากมีเงิน 100 ล้าน ให้ตายก็ไม่มีทางเป็นจริง

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในวันนั้นผู้บริหารของพฤกษาฯจะถูกรุมซักจากนักวิเคราะห์และสื่อมวลชนราวกับเป็นจำเลย

ระหว่างการสนทนาครั้งล่าสุด ทองมาอธิบายความคิดของเขาถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้กับ "ผู้จัดการ" ดังนี้

"บริษัทจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่จะสื่อไปถึงพนักงานทุกคน ว่าจะมีทิศทางก้าวหน้าไปอย่างไร ซึ่งโดยทั่วไปทุกบริษัทก็ต้องหวังเป็นผู้นำในตลาด เมื่อ 3 ปีที่แล้วเราตั้งว่าจะติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ วันนี้ก็ทำได้แล้ว เราจะมาตั้งว่า จะเป็น 1 ใน 3 ต่อไปอีกมันก็ไม่ถูก ก็ต้องเป็นอันดับ 1 การจะไปถึงเป้าหมายเราก็ต้องมีความพร้อมในองค์กรและลูกค้าให้การสนับสนุน แต่ในเวลาเดียวกันคู่แข่งเขาก็อาจจะ ขยับออกไปอีก แต่มันก็เป็นทิศทางขององค์กรที่จะต้องเป็น"

ตามแผนงานที่วางไว้ พฤกษาฯ ตั้งเป้ายอดขายพรีเซลส์ (ขายก่อนสร้าง) ในปีนี้จำนวน 12,000 ล้านบาทเพิ่มเป็น 17,000 ล้านบาทในปีหน้า และ 20,000 ล้านบาทในปีถัดไปและ 25,000 ล้านบาทในปี 2553 (ดูรายละเอียด จากตาราง "เป้าหมายรายได้" ประกอบ) คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 25% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดบริษัทแล้ว ตัวเลขนี้ถือว่า aggressive ไม่น้อย

การตั้งตัวเลขอัตราการเติบโตเอาไว้สูงเช่นนี้ส่งผลถึง การเปิดโครงการจำนวนมากขึ้นในแต่ละปี แต่ทองมาเชื่อว่างานของเขาจะลดทอนรายละเอียดลง เป็นการดูภาพรวมของบริษัทมากขึ้น เนื่องจากในปีนี้พฤกษาฯ ได้ปรับโครงสร้าง การบริหารงานใหม่ ซึ่งเป็นผลมาจากการว่าจ้างไอบีเอ็มมาศึกษาปรับปรุงกระบวนการทำงาน (Business Process Improvement) ตั้งแต่ปีที่แล้วและเริ่มนำมาใช้จริงในปีนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดขั้นตอนและกระบวนการทำงาน มีการกระจายงานจากผู้บริหารออกสู่ทีมงานมากขึ้น

โครงสร้างใหม่ของพฤกษาฯ จะเปลี่ยนเป็นเอสบียู (Strategic Business Unit) ตามสินค้าที่มี คือ ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยวภัสสร บ้านเดี่ยวพฤกษาวิลเลจ และคอนโดมิเนียม โดยจะแยกฝ่ายการเงิน ไอที ธุรการและฝ่ายบุคคลมาเป็นหน่วยงานกลางทำหน้าที่สนับสนุน ซึ่งแต่ละเอสบียูจะต้องทำแผนงานธุรกิจของตนเอง มีการวางแผนโครงการใหม่เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

"ในภาพรวมทางทีมบริหารก็จะกำหนดเป้าหมายคร่าวๆ ให้แต่ละเอสบียูว่าในแต่ละปีเขาน่าจะทำเพิ่มได้เท่าไร เขาก็ต้องไปหาลู่ทางมาว่าโครงการเก่าที่มีอยู่น่าจะมีรายได้เท่าไรและต้องหาโครงการใหม่อะไรบ้างเพื่อจะทำให้ถึงตามเป้า ส่วนผมเองทำหน้าที่สนับสนุนเพื่อให้เขาถึงเป้าหมาย" ทองมาเล่าถึงการปรับโครงสร้างองค์กรที่จะเอื้อต่อการขยาย ตัวของพฤกษาฯ ในอนาคต

พฤกษาฯ เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่เป็นลูกค้าทีมที่ปรึกษาของไอบีเอ็ม โดยก่อนหน้านี้มักจะมีแต่ธุรกิจธนาคาร สถาบันการเงินหรือสื่อสารมาใช้บริการ นอกจากนี้ในปี 2547 พฤกษาฯ เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกอีกเช่นกันที่ลงทุน 30 ล้านบาทจ้าง IT One บริษัทในเครือซิเมนต์ไทยมาทำการออกแบบและติดตั้งระบบบัญชีและการใช้งานระบบ SAP ซึ่งช่วยให้ระบบข้อมูลของบริษัททันสมัย สามารถติดตามความคืบหน้าและรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันที

"ตอนนี้เราทำอยู่ทั้งหมด 40 กว่าโครงการ สามารถดูได้หมดว่าโครงการไหนเป็นยังไง โครงการไหนทำได้เกินเป้า อันไหนต่ำกว่าเป้า ปัญหาอยู่ที่ตรงไหน เราดูได้จนถึงขนาดที่ว่าในแต่ละโครงการห้องนี้หลังนี้ใครเป็นคนดูแล ลงไปได้ถึงที่ไซต์งานเลย" ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต รักษาการประธาน เจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจ เล่าถึงการนำระบบสารสนเทศ มาช่วยในการบริหารงาน

นอกจากการจัดโครงสร้างองค์กรให้รองรับกับการขยายตัวแล้ว กลยุทธ์ที่พฤกษาฯ จะนำมาใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ตั้งไว้ สรุปสั้นๆ ง่ายๆ ได้ว่า โตต่อเนื่องในตลาดเดิมและหาเพิ่มเติมจากตลาดใหม่

พฤกษาฯ สร้างฐานธุรกิจมาจากตลาดทาวน์เฮาส์ชานเมืองราคาถูก ซึ่งเป็นความตั้งใจแรกเริ่มของทองมาตั้งแต่ ครั้งก่อตั้งบริษัทเมื่อ 15 ปีก่อน ปัจจุบันพฤกษาฯ ครองตลาด นี้ถึงกว่า 30% จากจุดเริ่มต้นโครงการแรกที่รังสิตคลอง 8 จำนวน 1,000 ยูนิต ขณะนี้มีโครงการกระจายอยู่ทั้งสี่มุมเมือง ตั้งแต่รังสิต-ลำลูกกา บางใหญ่-บางบัวทอง พระราม 2-ประชาอุทิศ และสุวรรณภูมิ-สุวินทวงศ์ ในปีที่ผ่านมามีรายได้ จากทาวน์เฮาส์จำนวน 4,882 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 68% ของรายได้รวมทั้งบริษัท มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 34.7% ของตลาดรวมทาวน์เฮาส์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลทั้งหมด โดยหากนับยอดที่โอนให้กับลูกค้าตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท มาจะมีจำนวนถึง 37,282 ยูนิตเลยทีเดียว (ดูรายละเอียดจากตาราง "ผลงานของพฤกษา เรียลเอสเตท" ประกอบ)

จุดเด่นในด้านต้นทุนต่ำ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก "ลดต้นทุนด้วย Economy of Scale & Speed" เพิ่มเติม) เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้พฤกษาฯ สามารถครอง ส่วนแบ่งตลาดทาวน์เฮาส์ราคาถูกย่านชานเมืองได้ดังกล่าว การมีต้นทุนต่ำส่งผลมาถึงราคาขายที่สามารถเคาะออกมาอยู่ในช่วงเริ่มต้นตั้งแต่ 6 แสนบาท กลายเป็นกำแพง (Barrier of Entry) ที่คอยป้องกันตลาดนี้จากผู้เล่นรายอื่นไม่ให้รุกเข้ามาได้ง่ายนัก

"ผมกล้าพูดได้เลยว่าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล นะ ถ้าลูกค้ามาซื้อเรายังไม่ได้ คุณไปซื้อโครงการไหนก็ไม่ได้" ประเสริฐกล่าวอย่างมั่นใจ

โอกาสของพฤกษาฯ จึงขึ้นอยู่กับความสามารถในการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและเสาะหาทำเลใหม่ๆ ที่มีความต้องการรองรับเพื่อขึ้นโครงการใหม่ ด้วยเหตุนี้เองในปีนี้พฤกษาฯ จึงเตรียมเปิดโครงการใหม่ที่เป็นทาวน์เฮาส์ถึง 14 โครงการจากที่เตรียมไว้ทั้งหมด 24 โครงการ โดยช่วงไตรมาสแรกเปิดไปแล้ว 5 โครงการด้วยกัน คิดเป็นมูลค่ารวม 3,607 ล้านบาท

นอกจากทาวน์เฮาส์ชานเมืองที่เป็นตลาดใหญ่แล้ว บ้านเดี่ยวชานเมืองก็เป็นตลาดของพฤกษาฯ อีกกลุ่มหนึ่งด้วย ในปีที่ผ่านมาธุรกิจบ้านเดี่ยวของพฤกษาฯ สามารถประคองตัวสวนทางกับภาพรวมของตลาดเอาไว้ได้ โดยมีรายได้จากบ้านเดี่ยว 3,269 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2548 เพียง 0.05% อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับการขยายตัวของตลาดบ้านเดี่ยวในปีที่ผ่านมาที่ติดลบไปถึง 30% ทำให้ส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจบ้านเดี่ยวของพฤกษาฯ เพิ่มขึ้นจาก 4.5% มาเป็น 7.1% และในปีนี้มีกำหนดที่จะเปิดโครงการใหม่อีก 6 โครงการด้วยกัน

ที่ผ่านมาโครงการของพฤกษาฯ จะอยู่ในเขตชานเมือง เป็นหลัก แต่ปีนี้พฤกษาฯ จะรุกเข้าสู่เขตตัวเมืองมากขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เป็นการสร้างฐานเพื่อการขยายธุรกิจในระยะยาว โดยการสร้างแบรนด์ใหม่ในแต่ละประเภท สินค้าไม่ให้ซ้ำซ้อนกับกลุ่มตลาดเดิม ได้แก่ พฤกษาวิลล์ ระดับราคา 1-1.2 ล้านบาท เป็นทาวน์เฮาส์ที่พัฒนาต่อจากบ้านพฤกษา พฤกษาวิลเลจ บ้านเดี่ยวระดับราคา 2-2.2 ล้านบาทและยังเตรียมออกบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ในระดับราคาตั้งแต่ 2.4-4 ล้านบาทอีกด้วย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากกราฟิก "สินค้าและระดับราคาของพฤกษา เรียลเอสเตท" ประกอบ)

ผลจากนโยบายเชิงรุกทั้งในตลาดเดิมที่อยู่ชานเมืองและที่ขยับเข้ามาในเมืองมากขึ้นเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมจากผลดำเนินงานไตรมาสแรกของปีนี้ที่สามารถทำยอดขายพรีเซลส์ ได้ถึง 2,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้วที่ทำได้ 1,895 ล้านบาท และที่สำคัญเป็นตัวเลขยอดขายต่อไตรมาสที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเลยทีเดียว

"นี่ขนาดเรายังไม่มีรายได้จากคอนโดฯ เข้ามาเลยนะ เราขายไตรมาสละ 2,500 ล้านคูณ 4 ก็ได้ปีละ 10,000 ล้าน เทียบกับปีที่แล้วที่ขายได้ 7,000 กว่าล้านเท่ากับโตขึ้น 40% แล้ว ไม่น้อยนะ" ประเสริฐเล่าถึงผลงานของพฤกษาฯ

สำหรับโครงการที่เรียกได้ว่าใหม่ต่อพฤกษาฯ ทั้งรูปแบบและกลุ่มลูกค้าก็คือ คอนโดมิเนียมในเขตพื้นที่เมืองชั้นใน หรือใกล้รถไฟฟ้า ซึ่งในปีนี้เตรียมจะเปิดทั้งหมด 2 โครงการ ด้วยกัน นำโดยไอวี่ รัชดา มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท ตั้งอยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดิน ห่างจากสถานีสุทธิสาร 170 เมตร ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา และเตรียมเปิดตัวไอวี่ ริเวอร์ คอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณราษฎร์บูรณะ มูลค่า 2,400 ล้านบาทในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้

ถึงแม้คอนโดมิเนียมในทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้าจะได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันเริ่มมีความกังวลถึงภาวะการแข่งขันกันบ้างแล้ว เนื่องจากมีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดนี้หลายราย แต่ละรายล้วนเป็น บริษัทขนาดใหญ่และเร่งขึ้นโครงการจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม พฤกษาฯ เชื่อว่าด้วยจุดแข็งในด้านต้นทุนต่ำประกอบ กับการจับลูกค้ากลุ่มเดิมที่เป็นผู้มีรายได้ปานกลาง (middle income) โครงการไอวี่น่าจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

นอกจากนี้พฤกษาฯ ยังลดความเสี่ยงโดยการดึงบริษัท อควาเรียส เอสเตท ที่มียงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ เป็นหัวเรือ ใหญ่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาโครงการ โดยมีวรรณา ชัยสุพัฒนากุล อดีตผู้บริหารจากโกลเด้นแลนด์ เข้ามาดูแลเอสบียูคอนโด มิเนียมโดยตรง

ประสบการณ์ด้านคอนโดมิเนียมของยงยุทธจากการเป็นผู้บริหารแสนสิริและพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ (อ่านรายละเอียดจาก "ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ : คนที่ทำ คอนโดฯ เป็น ผมว่ามีอยู่ไม่เยอะ" เพิ่มเติม) รวมกับของวรรณา ผนวกเข้ากับความแข็งแกร่งด้านต้นทุนและการหาทำเลของพฤกษาฯ สะท้อนออกมาที่โครงการไอวี่ รัชดา ที่มี ราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่ 1.58 จนถึง 3 ล้านบาท ตกตารางเมตรละ 53,000-59,000 บาท เทียบกับโครงการ Life @ รัชดา-สุทธิสาร ของเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ในทำเลใกล้เคียงกันที่เปิดตัวตามหลังมาเพียง 1 วัน มีราคา ขายเริ่มต้น 1.93 ล้านบาท คิดเฉลี่ยตารางเมตรละ 65,000 บาทขึ้นไป

พฤกษาฯ ลดความเสี่ยงในโครงการคอนโดมิเนียมอีกทางหนึ่งด้วยการจำกัดขนาดโครงการคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 14% ของมูลค่าพอร์ตรวมทั้งหมดของบริษัท นอกจากนี้ยังใช้เงินทุนส่วนใหญ่จากกระแสเงินสดที่ได้จากโครงการทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว ทำให้ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นไม่มาก หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันประเภท "คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต" ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของบริษัทมากนัก

"ตอนนี้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของเราอยู่ที่ 0.28 เท่า ต่ำมากเมื่อเทียบกับขนาดของบริษัทและการขยายตัวขนาดนี้ แต่คิดว่าสิ้นปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 0.5 เท่า เพราะคอนโด มิเนียมจะกินเงินทุนเรามากกว่าโอเปอเรชั่นปกติของเราตอนนี้" วีระ ศรีชนะชัยโชค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงินยืนยันถึงความแข็งแกร่งด้านการเงินของบริษัท

ตลาดต่างจังหวัดและต่างประเทศเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่พฤกษาฯ ให้ความสนใจและเริ่มศึกษาความเป็นไปได้บ้างแล้ว โดยทำการศึกษาร่วมกันทั้งทีมงานภายในของบริษัทและที่ปรึกษา จากภายนอก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้ในขณะนี้ยังไม่ลงเชิงลึกเพียงพอต่อการตัดสินใจ สำหรับตลาดต่างประเทศได้มีการส่งทีมงานไปดูความเป็นไปได้ทั้งที่เวียดนามที่เมืองโฮจิมินห์ และอินเดีย ที่บังกาลอร์ โดยทีมที่ไปมีทั้งฝ่ายการตลาด การเงิน ทีมงานด้านดีไซน์เพื่อเก็บข้อมูลรอบด้านและนำมาสรุปถึงความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุน

"การไปเริ่มต้นอาจจะเล็ก เช่นปีละ 200 ล้านหรือ 500 ล้าน แต่ว่าต้องมีโอกาสเติบโตในธุรกิจ อาจจะเพิ่มจาก 200 ล้านเป็น 500 ล้านเป็น 1,000 ล้าน อย่างนี้ถึงจะน่าสนใจ เพราะการไปลงทุนมันต้องใช้บุคลากรส่วนหนึ่ง ถ้าตลาดเล็ก เกินไปเราเอาคนส่วนนั้นไปลงในตลาดที่มีอยู่มันน่าสนใจกว่า" ทองมาอธิบายอีกหนึ่งเป้าหมายที่เขาให้ความสนใจ

การขยายธุรกิจจนมีสินค้าครบตั้งแต่ทาวน์เฮาส์ชานเมืองราคา 6 แสนบาทจนถึงบ้านเดี่ยวราคา 4 ล้านบาท ไปจนถึงคอนโดมิเนียม รวมถึงโอกาสในต่างจังหวัดและต่างประเทศในอนาคต จะเป็นการสร้างฐานและกระจายความเสี่ยงของพฤกษาฯ ไม่ให้พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไปเหมือนเช่นในอดีต และไม่ว่าสภาพตลาดรวมจะเปลี่ยนไปในทิศทางใด โครงสร้างที่วางไว้และความพร้อมทางด้านเงินทุนที่มีอยู่ก็น่าจะเอื้ออำนวยให้พฤกษาฯ สามารถปรับตัวตามไปได้

ส่วนจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ได้หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะ "ฟันธง"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us