แบงก์สินเอเซียมั่นใจกลยุทธ์ลุยจับกลุ่มลุกค้าภูธรมาถูกทาง ฟุ้งยอดสินเชื่อช่วงต้นปีโต 30% ย้ำมุ่งขยายสาขาภูมิภาคต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดสาขาเชียงใหม่ประเดิมสาขาแรกในภาคเหนือ เน้นเสนอบริการครบวงจร รวดเร็ว สร้างความสัมพันธ์ในท้องถิ่น ระบุทิศทางดอกเบี้ยขาลงเอื้อธนตาคารพาณิชย์ขนาดเล็กปรับลดต้นทุน หนุนผลประกอบการกระเตื้อง
นายธงชัย อานันโทไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาธนาคารสามารถขยายสินเชื่อได้ 3,000-4,000 ล้านบาท โดยมียอดสินเชื่อคงค้างในปัจจุบันอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อ 30% และในสิ้นปีคาดว่าจะมียอดสินเชื่อคงค้างที่ 39,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ธนาคารจะมุ่งเน้นขยายสินเชื่อไปยังธุรกิจขนาดกลาง และขนาดใหญ่ในภูมิภาค พร้อมทั้งการสร้างเครือข่ายที่ครบวงจรยิ่งขึ้น โดยในอนาคต 1-2 ปีข้างหน้าธนาคารยังมีแผนจะปรับสัดส่วนธุรกิจสินเชื่อใหม่ ที่จากเดิมธุรกิจสาขามีสัดส่วนเพียง 10%ของพอร์ตสินเชื่อรวม ให้เพิ่มเป็น 30% ขณะที่บรรษัทธุรกิจปรับเป็น 50% และสินเชื่อธุรกิจรายย่อยเป็น 20%
"ปีนี้เราเน้นการทำธุรกิจผ่านสาขาภูมิภาคของธนาคาร และการสร้างเครือข่ายที่ครบวงจรมากขึ้น โดยตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อกว่า 30% จาก 29,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 เป็น 39,000 ล้านบาทในปีนี้ โดยอีก 10,000 ล้านบาทที่เหลือจะมาการการขยายสินเชื่อในภูมิภาค 5,000 ล้านบาท”นายธงชัยกล่าว
สำหรับสายงานธุรกิจสาขา ณ สิ้นปี 2549 มียอดสินเชื่อทั้งสิ้น 2,207 ล้านบาท โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมามียอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ล้านบาท และตั้งเป้าจะเติบโตเป็น 7,500 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2550 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตกว่า 300% จากปีที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่าธนาคารจะประสบความสำเร็จจากแผนงานและกลยุทธ์การบริหารสาขาในรูปแบบที่ได้วางไว้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลประกอบการ ณ สิ้นปีนี้ธนาคารจากปัจจัยของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ธนาคารขนาดเล็กสามารถปรับตัวทางด้านต้นทุนได้ดีกว่าธนาคารขนาดใหญ่ และน่าจะเป็นการเอื้อให้ธนาคารสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
ด้านนายไชยวัฒน์ ตันชีวะวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจสาขา ธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนการเปิดสาขาของธนาคารในปีนี้ว่าธนาคารมีเป้าหมายที่จะขยายสาขาทั้งสิ้น 12 สาขา เป็นสาขาภูมิภาค 8 สาขา ซึ่งล่าสุดในวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ธนาคารได้เปิดสาขาเชียงใหม่ เป็นสาขาลำดับที่ 11 ของธนาคาร และเป็นสาขาแรกในเขตภาคเหนือ จากในสิ้นปีคาดว่าธนาคารจะมีสาขาทั้งสิ้น 17 สาขา โดยแต่ละสาขาจะอยู่ในเขตพื้นที่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และมีรัศมีการให้บริการที่ครอบคลุมถึง 250 กิโลเมตร ไปยังจังหวัดใกล้เคียงโดยนำเสนอบริการทางการเงินครบทุกประเภท ตั้งแต่การทำธุรกรรมทั่วไป เช่น การฝาก ถอน หรือการโอนเงิน ตลอดจนธุรกรรมที่เกี่ยวกับด้านสินเชื่อ รวมถึงธุรกรรมด้านการค้าต่างประเทศ โดยเป็น Trade Window ซึ่งในแต่ละสาขาจะมีผู้อำนวยการสาขาและทีมสินเชื่อที่มีประสบการณ์เป็นผู้มองหาโอกาสทางธุรกิจและดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด
"ก่อนวันที่จะทำการเปิดสาขาธนาคารจะมีการจัดงานเลี้ยงให้แก่ลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจเพื่อเป็นการแนะนำตัวเองและผู้บริหารของธนาคารก่อนเพื่อให้ลูกค้าได้รู้จัก ขณะเดียวกันธนาคารจะมุ่งเน้นกลยุทธ์การให้บริการที่รวดเร็ว ยืดหยุ่นแก่ลูกค้า ลงตลาดแนะนำตัวเอง เพื่อเจาะกลุ่มผู้ฝากเงินและทำธุรกิจโดยตรงของธนาคาร” นายไชยวัฒน์ กล่าว
สำหรับสาขาเชียงใหม่ที่เปิดทำการไปเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ธนาคารตั้งเป้าหมายภายใน 1 ปีจะสามารถขยายสินเชื่อได้ 500 ล้านบาท ซึ่งในสาขาต่างๆที่ได้เปิดทำการมาครบ 1 ปีแล้ว โดยเฉพาะสาขาขอนแก่น ซึ่งนับว่าเป็นสาขาต้นแบบประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะใช้ระยะวลาเพียง 1 ปี ด้วยจำนวนพนักงานเพียง 10 คน สามารถขยายธุรกิจสินเชื่อที่มีวงเงินเบิกใช้จริงได้ถึง 1 พันล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่ากลยุทธ์การบริหารสาขาของสินเอเซียเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้อง
ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการต่อยอดจากความสำเร็จที่เกิดขึ้น เพื่อผลักดันให้สาขาของธนาคารเป็นช่องทางในการขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตให้กับธนาคาร โดยยอดสินเชื่อที่อนุมัติและเบิกใช้วงเงินแล้ว ถือเป็นสินเชื่อดีและไม่มีผิดนัดชำระเลย ซึ่งสินเชื่อทั้งหมดกระจายตัวไปสู่ภาคธุรกิจสำคัญที่หลากหลาย เช่น ดีลเลอร์รถยนต์ ธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง โรงสี อุปกรณ์การประมง ความสำเร็จของสาขาต้นแบบนี้ จะเป็นแนวทางและต้นแบบในการดำเนินงานของสาขาอื่นๆ ต่อไป เพื่อให้ทุกสาขาของธนาคารเป็นสาขาคุณภาพ มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน และเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตของธนาคารต่อไป
ขณะที่ยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)โดยรวมของธนาคารนั้น มีจำนวนมากนัก คิดเป็นลูกค้า 5-6 ราย มีวงเงินรวมประมาณ 10 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเอ็นพีแอลส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจรายย่อย
|