|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
สิงห์ฯ ยิ้มรับยอด 4 เดือนแรก น้องใหม่ บี-อิ้งไปได้สวย ยอดพุ่งเกิน 2 ล้านลิตรเกินกว่าเป้าที่วางไว้ ระบุเตรียมเบรกสายการผลิตชาเขียวโมชิ ลงทุน บี- อิ้ง เพิ่มเครื่องจักรใหม่ 150 ล้านบาทปีหน้า หันเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าเครื่องดื่มเสริมสุขภาพประจำวันแทน พร้อมลุยรุก 3 ช่องทางขายหลักเจาะตามเซกเมนต์ โวหลังสินค้าติดตลาดส่งต่อยอดขายแตะ 270ล้านบาท
นายสันต์ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ บริษัทสิงห์คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตและทำตลาดเครื่องดื่มเบียร์สิงห์ ลีโอ เครื่องดื่มน้ำ และโซดา สิงห์ ชาเขียวพร้อมดื่มยี่ห้อ โมชิ และเครื่องดื่มเสริมสุขภาพประจำวันยี่ห้อ บี-อิ้ง เปิดเผยว่า บริษัท เตรียมใช้งบประมาณไว้กว่า 150 ล้านบาท สำหรับเพิ่มเครื่องจักรใหม่ในการผลิตสินค้า เครื่องดื่มยี่ห้อ บี-อิ้ง อีกทั้ง 3 รสชาติ ประกอบด้วย 1.บี -อิ้ง ไฟน์ 2.บี-อิ้ง บูทส์ และ 3.บีอิ้ง คอมฟอร์ท ที่ในปัจจุบันมีผลิตในต่างประเทศประกอบด้วย ประเทศญี่ปุ่น อเมริกา และฝรั่งเศส ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 6ล้านลิตรต่อปี ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเดินแผนต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะสรุปได้ช่วงต้นปี 2551 นี้
สำหรับการรุกทำบี -อิ้ง บริษัทจำเป็นต้องหยุดการผลิตเครื่องดื่มชาเขียวโมชิ ซึ่งในปัจจุบันมีโรงงานอยู่ที่ถ.สามเสน กรุงเทพ โดยมีแนวทางว่าจ้างการผลิตสินค้าดังกล่าวจากภายนอก หรือโออีเอ็มแทน อย่างไรก็ตามบริษัทจะยังทำตลาดสินค้าชาเขียวยี่ห้อโมชิต่อไป ซึ่งต้องยอมรับว่าสินค้าเครื่องดื่มกลุ่มนี้มีอัตราเติบโตน้อย
การมุ่งทำตลาดสายการผลิตเครื่องดื่มฯยี่ห้อ บี-อิ้ง นี้เนื่องจากพบว่าในช่วง 4 เดือนแรกหลังจากที่ได้เปิดตัวตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กว่า 2 ล้านลิตร ส่งผลให้บริษัทหันมาให้ความสำคัญกับสายการผลิตสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น พร้อมกับยอมรับว่าได้มีการปรับเป้ายอดขายสินค้าภายในสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 4 ล้านลิตร หรือยอดขายอยู่ที่ 270 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้อยู่ที่ 3 ล้านลิตรเท่านั้น
ปัจจุบันเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมีความจำเป็นอย่างเห็นได้ชัด เทรนด์สุขภาพมาแรง คนเราเริ่มหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น เครื่องดื่ม บี -อิ้ง เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประจำวัน ผสมผสานกับวิตามิน ความจำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการทดแทนพลังงาน การสร้างใยอาหารอินนูลินช่วยย่อยอาหาร การสร้างวิตามินต่างๆ สร้างขึ้นมาเพื่อสอดรับกับความต้องการผู้บริโภคในตลาดที่ ไม่ค่อยมีเวลามากนักในการหาวิตามินหรือเครื่องดื่มสุขภาพที่ครบสูตรเช่นนี้ บริษัทฯเชื่อว่าบี-อิ้งจะต้องติดตลาด
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับ บี-อิ้ง บริษัทฯ เตรียมงบประมาณไว้กว่า 120 ล้านบาท ทั้งนี้จะให้น้ำหนักในเรื่องกิจกรรมการตลาด ณ จุดขายและโฆษณาผ่านสื่อ ผสมผสานกับการปรับกลยุทธ์การทำตลาดเจาะเข้าสู่ช่องทางขายที่เหมาะสม เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายผลิตภัณฑ์ ยกตัวอย่างเช่น 1.บี-อิ้ง สีแดง จับกลุ่มผู้หญิง หรือ ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ ศูนย์สุขภาพและความงาม สปา และกำลังเจรจากับสายการบินเพื่อนำเครื่องดื่มกลุ่มนี้ให้บริการบนเครื่องบิน 2.บี-อิ้ง สีฟ้า จับกลุ่มนักกีฬา ผู้ออกกำลังกาย จำหน่ายในศูนย์ออกกำลังกายและ3. บี-อิ้ง สีส้ม จะเข้าช่องทางขายกลุ่มร้านอาหารสาขา ฟาสต์ฟู้ด
ขณะในช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และร้านสะดวกซื้อจะวางจำหน่ายสินค้าทั้ง 3 ตัว ซึ่งบริษัทได้แยกแผนกใหม่คือ เทรด มาร์เก็ตติง เพื่อสร้างทีมขายและรถจัดจำหน่ายสินค้าเพิ่มกว่า 120 คัน เพื่อทำตลาดและกระจายสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์โดยเฉพาะเพื่อแยกการทำตลาดจากเครื่องดื่มกลุ่มแอลกอฮอล์อย่างชัดเจน
นายสันต์ กล่าวต่อว่า จากแผนในการทำตลาดเชื่อว่าจะแยกสินค้าแต่ละตัวมีความชัดเจน และสร้างความแตกต่างไปจากสินค้ายี่ห้ออื่นที่ใกล้เคียงในตลาด เช่น ยี่ห้ออะมิโนโอเค ที่ให้ประโยชน์ไม่เหมือนกันและล่าสุดสินค้าดังกล่าวได้ปรับราคาลดเหลือ 10 บาท จากเดิมราคา 20บาท ส่งผลกระทบต่อยอดขายเครื่องดื่มฯบี-อิ้ง ตกลง 20% เนื่องจากไม่สามารถปรับราคาลงมาได้ เนื่องจากต้นทุนที่สูงกว่าในปัจจุบันวางจำหน่ายอยู่ที่ 20 บาท
|
|
 |
|
|