Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 พฤษภาคม 2550
ปัจจัยตปท.ถล่มซ้ำหุ้นรูด10จุด             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นมึนนักลงทุนกระหน่ำขายฉุดดัชนีรูด 10 จุด ขณะที่สารพัดปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศถล่ม ทั้งข่าวกองทัพสหรัฐฯในอ่าวเปอร์เซีย ความร้อนแรงของตลาดหุ้นจีน ขณะที่ปัจจัยในประเทศกรณีการยุบพรรคการเมืองยังเป็นประเด็นสำคัญ ด้านฝรั่งยังไม่หยุดซื้อสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 7 "ภัทรียา" ระบุยังตอบยากตปท.จะซื้อต่อหรือไม่ โบรกฯตั้งคำถามเหตุใดนายกฯ "สุรยุทธ์" ไปเยือนจีนช่วงตัดสินคดียุพรรค ยังเชื่อเงินนอกพร้อมลุยเพิ่มหากไม่เกิดความรุนแรงขึ้น

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (24 พ.ค.) ตลอดทั้งวันดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบหลังได้รับผลกระทบจากแรงเทขายในหุ้นขนาดใหญ่อย่างหนัก เนื่องจากมีความกังวลทั้งจากปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะความเป็นห่วงต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในตลาดหุ้นจีน รวมถึงข่าวการส่งเรือรบของสหรัฐอเมริกาเข้าสู่อ่าวเปอร์เซีย ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังให้น้ำหนักเรื่องผลการตัดสินคดียุบพรรคการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 วันข้างหน้าส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 720.72 จุด ลดลง 10.50 จุด หรือ 1.44% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 731.18 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 719.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 14,475.21 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,790.21 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 7 นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,289.00 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 501.21 ล้านบาท

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยเป็นเพราะการขายทำกำไรออกมาของนักลงทุนเนื่องจากที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว โดยการปรับลดลงวานนี้ไม่น่าจะเกิดจากการที่รัฐบาลมีการแถลงในเรื่องผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เรื่องการเข้ามาซื้อสุทธิของนักลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา จนอาจจะทำให้มีแรงเทขายเพื่อทำกำไรออกมาเรื่องดังกล่าวคงต้องติดตามว่านักลงทุนต่างชาติจะมีมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงต่อไปอย่างไร จะมีการขายหุ้นออกมาหรือไม่ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม

โบรกฯตั้งคำถามนายกไปจีน

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด กล่าวว่า การที่ดัชนีปรับลดลงมากเพราะปัจจัยทางการเมืองเป็นหลัก โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์หน้าจะมีการประกาศเรื่องการยุบพรรคการเมือง รวมถึงการชุมนุมประท้วงต่างๆที่จะตามาประกอบกับมีข่าวเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปประเทศจีนในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนมีความกังขาและกังวลว่าเป็นเพราะเหตุใดนายกจึงไม่อยู่ในประเทศ

ทั้งนี้ ประเด็นยุบพรรคการเมืองนั้น ส่วนตัวมองว่าหากจะยุบพรรคการเมืองก็ควรจะยุบทั้งหมด แต่หากจะประกาศไม่ยุบก็ควรจะไม่ยุบทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงผลที่จะตามมาหากมีการยุบพรรคใดพรรคหนึ่งแต่อีกพรรคหนึ่งไม่โดนยุบ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการปะทะของกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วย

ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติเชื่อว่ามีการประเมินสถานการณ์แล้วว่านักการเมืองรุ่นเก่าจะกลับมาหากมีการยุบพรรค จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติซื้อเก็งกำไรในระยะสั้นเข้ามา เนื่องจากตลาดหุ้นยังถูกอยู่ และอัตราการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในไทยยังสูงอยู่ที่ 4%

อย่างไรก็ดี หากดัชนีปรับลดลง 725 จุดมีโอกาที่จะลดลงมาที่ระดับ 700 จุดหรือต่ำกว่า แนะนำให้ขายหุ้นออกมา ซึ่งที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันขายสุทธิออกมาค่อนข้างมากในขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมุมมองของนักลงทุนสถาบันมองตลาดหุ้นไทยยังเป็นลบ

นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน เปิดเผยว่า ดัชนีปรับลดลงเป็นไปตามที่บริษัทคาดไว้แล้วว่าดัชนีจะปรับตัวอ่อนลงในช่วงปลายสัปดาห์ โดยเป็นแรงเทขายทำกำไร เนื่องจากความกังวลในปัจจัยทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาดัชนีได้ขยับขึ้นค่อนข้างแรง โดยเฉพาะสัปดาห์ก่อนดัชนีปรับขึ้นกว่า 3% ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าภูมิภาค และช่วงที่ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นเกินระดับ 700 จุด ถือเป็นอีกหนึ่งครั้งที่ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าในภูมิภาคโดยในช่วงหลังจากนี้ ปัจจัยทางการเมืองจะเป็นปัจจัยที่ร้อนแรงและจะครอบงำไปจนถึงสัปดาห์หน้าและมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน ซึ่งหลังจากนี้ควรที่จะเน้นการพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก โดยหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนได้แก่หุ้นกลุ่มพลังงานและโรงกลั่น

นอกจากนี้สาเหตุที่ทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาน่าจะมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่นการเบิกจ่ายงบประมาณการประมูลรถไฟฟ้า และการประมูลโรงไฟฟ้า รวมถึงการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น

เงินนอกลุยเพิ่มหลังการเมืองชัด

นางอาภาภรณ์ แสวงพรรค รองผู้อำนวยการ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย โดยประเมินจากโครงสร้างและภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบางส่วนที่เข้ามาเก็งกำไรจากข่าวดี ทั้งมาตราการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ และการปรับลดดอกเบี้ย แต่บางส่วนก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้ยังมีการชะลอการลงทุนในบางส่วน

ทั้งนี้ นักลงทุนยังมองว่าในระยะยาวหลังปัจจัยทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น โดยมีโอกาสที่ดัชนีจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะราคาหุ้นและ PE ในปัจจุบันต่ำกว่าประเทศในภูมิภาคเดียวกันเป็นอย่างมาก ซึ่งหากความเสี่ยงเรื่องการเมืองคลี่คลาย น่าจะทำให้มีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง

"พฤติกรรมการลงทุนในขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่จะกำหนดกำไรที่ต้องการและถ้าถึงก็จะทำการเทขายทำกำไรทันที เป็นที่สังเกตุว่าอัตรากำไรที่ตั้งไว้เพื่อทำกำไรในขณะนี้ ลดลงจากเดิม ส่วนทั้งมีการลดระยะเวลาช่วงเล่นลง น่าจะเป็นผลจากการที่ตลาดหุ้นไทย มีความเสี่ยงและมีความผันผวนขึ้นลงรุนแรงมาก "

ในส่วนของการที่ดัชนีวานนี้ปรับตัวลดลงนั้น เกิดมาจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน หลังจากไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนดัชนี ประกอบเป็นการขายเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากปัจจัยการเมือง โดยเฉพาะคำตัดสินคดียุบพรรคการเมือง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเป็นเหตุรุนแรง ประกอบกับปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกประเทศ ทั้งการประมาณการตลาดหุ้นจีนจะเกิดการปรับฐานและความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง

"ความเสี่ยงจากตลาดหุ้นจีนที่อาจจะเกิดการปรับฐานนั้น ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะเกิดการปรับฐานหรือไม่ แต่นักลงทุนก็ควรจะหันกลับมาพิจารณาความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันก็จะดีกว่า"นางอาภาภรณ์กล่าว

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงเกิดมาจาก 2 ปัจจัย คือการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นจีนที่มีการคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดการปรับฐาน ประกอบกับความกังวลเรื่องสงครามระหว่างอิหร่านและสหรัฐที่มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจากการที่สหรัฐส่งเรือรบเข้าไปเพิ่มเติม แต่ในประเด็นสงครามนั้น ไม่น่าจะส่งผลทำให้ดัชนีทั่วโลกลดลงเท่าการปรับฐานของตลาดหุ้นจีน

ทั้งนี้ในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยนั้น หลังจากนี้น่าจะทยอยเข้ามาซื้อเป็นช่วง และเล่นลักษณะเก็งกำไรตามสถานการณ์ทางการเมือง โดยถ้ามีความตึงเครียดเกิดขึ้นก็จะมีการเทขายทำกำไรออกไป แต่ทั้งนี้ยังคาดว่านักลงทุนที่เข้ามาในขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนระะยะยาว แต่ถ้าปัจจัยการเมืองในประเทศไทยมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น หรือเกิดการใช้กำลังขึ้น นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวก็น่าจะทำการเทขายหุ้นออกไป

ธปท.ส่งสัญญาณหยุดลดด/บ

นายปรเมศร์ ทองบัว นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ส่งสัญญาณที่อาจจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ครั้งต่อไปในวันที่ 18 กรกฎาคม2550นี้ จากก่อนหน้านี้มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาร์พี ระยะ 1 วันลงอีก 0.50% จาก 4.00% มาอยู่ที่ 3.50% ต่อปี

ขณะที่การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยเป็นไปตามความกังวลของตลาดหุ้นจีนหลังจาก นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐระบุว่าตลาดหุ้นจีนกำลังจะหดตัวครั้งใหญ่ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลก

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในวันนี้คาดว่าดัชนีดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากวานนี้ปรับตัวลดลงแรง ขณะเดียวกันหากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นยืนเหนือแนวรับที่ 718 จุดได้ คาดว่าดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 737 จุดอีกครั้ง โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำซื้อระยะสั้น ในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และอสังหาริมทรัพย์

นายกิตติ เหมนิลรัตน์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้คาดว่าจะอยู่ในช่วงของการปรับฐาน เนื่องจากไม่มีข่าวดีเข้ามากระตุ้นการลงทุน แต่จะมีความเคลื่อนไหวทางการเมือง และคดียุบพรรคการเมือง ที่จะกดดันจิตวิทยาการลงทุนต่อไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ โดยปัจจัยที่นักลงทุนจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือ คดียุบพรรคการเมือง ตลาดหุ้นในภูมิภาค และราคาน้ำมันในตลาดโล   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us