เส้นทางการเมืองของอากร ฮุนตระกูล แห่งเครือโรงแรมอิมพีเรียล ยุติลงอย่างรวดเร็วเกินคาด
นับจากการได้รับเลือกเป็น ส.ส. เขต 1 ของกรุงเทพมหานคร เมื่อการเลือกตั้งเดือนกันยายนปีที่แล้ว
ก็เป็นเวลาเพียง 7 เดือนเท่านั้น
ผลพวงจากการที่บริษัทนิวอิมพีเรียล โฮเต็ลของเขาเป็นหนึ่งใน 153 รายซึ่งพัวพันกับการปั่นหุ้น
ที่กล่าวอ้างกันว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต.
ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปสืบสวนสวบสวนต่อ ทำให้อากรต้องแสดงสปิริตลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังธรรม
และมีผลทำให้สถานภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงไปด้วย
"ผมรักพรรคพลังธรรม ไม่อยากจะให้เกิดความเสียหายต่อพรรค จึงตัดสินใจลาออก
และการลาออกจะทำให้ผมหมดสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยปริยาย ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ผมก็พร้อมจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว" นี่คือคำแถลงอย่างเป็นทางการถึงเหตุผลในการลาออกของเขาเมื่อวันที่
26 เมษายน ที่ผ่านมา
ช่วง 7 เดือนของการเป็น สส. อากรไม่เคยอภิปรายในสภาแม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยแสดงความคิดเห็นทางการเมืองให้รับรู้กันในวงกว้างเลย
"ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะต้องไปพูด ปล่อยให้คนอื่นเขาพูดไป เราก้มหน้าก้มตาสร้างระบบ
สร้างพรรคการเมืองที่มีคุณภาพโดยไม่ต้องไปบอกใครดีกว่า" บ่อยครั้งที่อากรพูดถึงสาเหตุแห่งความเงียบของเขาเช่นนี้
แต่ภายใต้ความเงียบและภาพพจน์ที่ออกจะดูซื่อ ๆ บนเวทีการเมือง ก็ไม่อาจมองข้ามความฉลาดในการตัดสินใจแต่ละครั้งของนักเรียนเก่าอังกฤษ
ผู้สร้างอาณาจักรโรงแรมอิมพีเรียลจนใหญ่โตขึ้นมาคนนี้ได้
การเลือกตั้งเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว กลุ่มนักธุรกิจมีชื่อ โดยเฉพาะกลุ่มบีเอ็มเอส
เคลื่อนไหวสร้างความตื่นตัวทางการเมืองในหมู่นักธุรกิจด้วยกันอย่างคึกคัก
รวมไปถึงการสนับสนุนให้นักบริหาร หลาย ๆ คนเข้าสู่เวทีเลือกตั้ง เอาเข้าจริง
อาการเป็นคนเดียวที่ตัดสินใจลงสนามในนาทีสุดท้าย
ท่ามกลางการคัดค้านของศรีภรรยา และเพื่อนร่วมงานในเครืออิมพีเรียล ด้วยเหตุผลว่าเพื่อเป็นแบบอย่างการมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ
อากรเลือกลงเขต 1 ซึ่งมีพื้นที่เขตดุสิต ขุมกำลังของพรรคประชากรไทยอยู่ด้วยทั้ง
ๆ ที่มีโอกาสจะเลือกเขตอื่นที่พลังธรรมนอนมาแน่ ๆ เป็นที่สุ่มเสี่ยงต่อการสอบตกเป็นอย่างมาก
"คุณอากรฉลาดที่เลือกเขตนี้ หากแพ้ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะแพ้ต่อสมัคร
สุนทรเวช แต่ชนะขึ้นมาก็ดังเลย" ผู้สันทัดกรณีทางการเมืองวิเคราะห์การตัดสินใจของอากร
ซึ่งเจ้าตัวไม่ตอบรับหรือปฏิเสธต่อข้องสังเกตนี้ ได้แต่หัวเราะชอบใจ!!
อากรสร้างความฮือฮาอีกครั้งหนึ่งหลังจากได้รับเลือกเป็น สส. เขต 1 ด้วยการประกาศว่าไม่ขอรับตำแหน่งใด
ๆ ในคณะรัฐบาลผสม ทั้ง ๆ ที่เป็นคนหนึ่งที่มีศักยภาพเพียงพอ แม้จะอ่อนพรรษาทางการเมือง
แต่ก็ชดเชยได้ด้วยชื่อเสียง ความสำเร็จจากการบริหารงานทางธุรกิจ ด้วยเหตุผลว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองปรารถนา
ขอทำหน้าที่เป็นแค่ที่ปรึกษารัฐมนตรีต่างประเทศ นต. ประสงค์ สุ่นศิริก็พอแล้ว
เพียงเท่านี้ก็เป็นที่ถูกอกถูกใจชนชั้นกลาง ชาวเมืองหลวงว่า นี่แหละการเล่นการเมืองแบบใหม่
ที่ไม่หวังตำแหน่ง ลาภยศ ผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น
เครดิตทางการเมืองของอากรพุ่งขึ้นสูงจากการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง สส.
ในครั้งนี้ ท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญในความมีสปิริตอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในระบบการเมืองไทย
การลาออกนี้จะหวังผลทางการเมืองหรือมีเบื้องหลังหรือไม่ก็ตาม อากรมีแต่ได้ลูกเดียว
ทำให้พรรคพลังธรรมหลุดออกจากสมรภูมิการต่อสู้ทางการเมือง ที่มีการหยิบยกเรื่องการปั่นหุ้นขึ้นมาฟาดฟันกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลคือพรรคประชาธิปัตย์และพรรคความหวังใหม่
ประการทั้งยังสร้างภาพพจน์นักการเมืองตัวอย่างได้อย่างสวยงาม
หากตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้งอีกหน คงไม่ต้องเหนื่อยยากอย่างคราวที่แล้วแน่
เห็นซื่อ ๆ จนบางครั้งก็ทื่อ ๆ ในเชิง "ภาพ" แต่คนอย่างอากร ฮุนตระกูลฉลาดกว่าที่ทุกคนคิด