|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ททท. เข็นมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว เสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ชูแผน 5 บวก 2 เจาะ 7 ประเทศหลัก เร่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ เน้นฟื้นประเทศในกลุ่มเอเชีย โดยเฉพาะสิงคโปร์ เผยกลยุทธ์จับมือสายการบิน โปรโมตแหล่งท่องเที่ยวรอง คุย 3 เดือนแรกดันรายได้โต 9.6%
แหล่งข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติวันนี้( 22 พ.ค.50) ซึ่งมี นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลนโยบายด้านการท่องเที่ยวเป็นประธาน เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว พร้อมกับจัดทำแผนเพื่อบูรณาการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ได้เตรียมเสนอแผนกระตุ้นท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง ในตลาดเอเชียแปซิฟิก และ ยุโรป รวม 7 ประเทศเป้าหมาย แบ่งเป็น 5 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ญี่ปุ่นเกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย โดยจะกระตุ้นให้เดินทางเข้ามาในช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ ขณะที่ปลายปี จะกระตุ้นใน 2 ตลาดหลัก คือ อังกฤษ และ สแกนดิเนเวีย
ทั้งนี้เพราะ จากปัญหาทางการเมือง เศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน ค่าเงินบาทแข็ง ตลอดจน เหตุการณ์ลอบวางระเบิดในประเทศไทย มีผลทำให้นักท่องเที่ยวจากตลาดเอเชีย ในไตรมาสแรกลดลงกว่า 6.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงและไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้น นอกจาก ททท.จะเร่งหาตลาดใหม่ๆ อย่าง ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ แอฟฟริกาใต้ เข้ามาเสริมในส่วนที่หายไปแล้ว ยังจะต้องเร่งฟื้นสถานการณ์ท่องเที่ยวในตลาดที่หดหายกลับคืนมาโดยเร็ว
แนวทางที่ททท.จะเร่งดำเนินการจะเน้นการสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะด้านความปลอดภัย เพราะเอเชียเป็นตลาดที่อ่อนไหวแต่ก็กลับคืนได้โดยเร็ว อีกทั้งเป็นตลาดระยะใกล้ มีเที่ยวบินจำนวนมาก ซึ่งแผนที่ ททท.ได้วางไว้ จะกระตุ้นทั้งตลาดระยะใกล้ และ ระยะกลาง อย่าง ออสเตรเลีย โดยให้ความสำคัญกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสื่อทุกรูปแบบ รวมถึง อีมาร์เก็ตติ้ง ปูพรมทำตลาดแบบแมส และ นีชมาร์เก็ตไปพร้อมๆกัน
“ที่เราต้องหันมาทำโฆษณาแบบแมสมาร์เก็ตอีกครั้ง จากแผนเดิมที่เราจะเน้นทำตลาดแบบนีชมาร์เก็ต เพื่อประหยัดงบประมาณ เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงไป เกิดจากความไม่ปกติของสถานการณ์ในประเทศ จึงจำเป็นต้องเพิ่มความถี่ในการรับรู้ถึงประเทศไทยให้ติดหูติดตานักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังจะเชิญสื่อต่างประเทศเข้ามาสำรวจแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้เขากลับไปเขียนถึงความสวยงามของประเทศไทย”
สำหรับตลาดสิงคโปร์ ซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยว 4 เดือนแรก ปีนี้ ลดลง 12.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นแผนกระตุ้นตลาดนี้ ททท.จะร่วมกับสายการบินและบริษัทนำเที่ยว โปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวระดับรอง เพื่อนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวที่หลากหลาย ได้แก่ 1.ร่วมกับการบินไทย และ บริษัทนำเที่ยว 14 ราย จัดแพกเกจ กรุงเทพ – สิงคโปร์ โดยให้เดินทางไปค้างคืนที่ จ.กาญจนบุรี และ นครปฐม 2. ร่วมกับ สายการบินไทเกอร์แอร์ และบริษัทนำเที่ยว 10 ราย จัดเส้นทาง สิงคโปร์ – อุดรธานี เดินทางไปเที่ยว จ.หนองคาย และ เวียงจันทร์
3.ร่วมกับชานบราเดอร์ ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวขนาดใหญ่ จัดนำเที่ยวมายัง จ.กระบี่ แล้วต่อไปเที่ยว นครศรีธรรมราช และ สุราษฎร์ธานี 4. ร่วมกับสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย จัดเส้นทาง สิงคโปร์ –เชียงราย และ เส้นทางสิงคโปร์-อุบลราชธานี นอกจากนั้น จะเร่งพัฒนาและโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เช่น สุโขทัย และ พิษณุโลก
“หากนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ ไม่ต้องการเข้ามาเที่ยวกรุงเทพ หรือภูเก็ต ก็อาจจะไปเที่ยวยังจังหวัดอื่นๆ ที่มีแหล่งท่องเที่ยว ที่สวยงาม ทั้งเส้นทางทะเล ภูเขา และธรรมชาติ ตรงนี้ถือเป็นการโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวรองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆเพิ่มขึ้น และ ยังแก้ปัญหาการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวด้วย”
อย่างไรก็ตาม ในด้านงบประมาณที่จะใช้ในมาตรการนี้ ยังสรุปตัวเลขไม่ได้ ซึ่งเมื่อแผนงานผ่านที่ประชุมแล้ว จะพิจารณาเรื่องงบประมาณกันอีกครั้ง ซึ่ง ททท.ก็มีงบประมาณอยู่จำกัด ซึ่งที่ผ่านมาได้ปรับลดงบกิจกรรม เพื่อนำมาใช้เพื่อการทำตลาดในส่วนอื่นๆมากขึ้น ล่าสุดได้ใช้งบกระตุ้นพิเศษจากตลาดอินเดีย มาใช้จัดทำสปอตโฆษณา 3 สปอรต และ หนังโฆษณาความยาว 6-8 นาที อีก 1 เรื่อง ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อจะใช้ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทย ในตลาดอินเดีย และ ตลาดอื่นก็สามารถนำไปใช้ได้
ทางด้านนางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวถึงภาพรวมของสถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ช่วงไตรมาสแรกปีนี้ว่า ยังคงเติบโต โดยประมาณการณ์นักท่องเที่ยวรวมทุกด่าน มีจำนวนรวม 3.82 ล้านคน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.4% โดยมีรายได้เข้าประเทศ 1.42 แสนล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 9.6% หากแยกเป็นรายตลาด 4 เดือนแรก เฉพาะที่ด่านสนามบินสุวรรณภูมิ จะพบว่าทุกตลาดมีการเติบโต ยกเว้นตลาดเอเชียที่ลดลง 6.65% ขณะที่ตลาดยุโรปเติบโตถึง 12.94% ตลาดอินเดียเติบโต 10.92% ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เติบโต 16.51% แอฟริกาโต 20.9% ตะวันออกกลาง โต 24.84% เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในจังหวัดในแถบอันดามัน โดยเฉพาะที่ภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาตลอดทั้งปี ซึ่งช่วงนี้จะเป็นตลาดญี่ปุ่นและเกาหลี ส่วนในช่วงปลายปี จะเป็นตลาดยุโรป สแกนดิเนเวีย และรัสเซีย โดยเฉพาะตลาดรัสเซีย ซึ่งปีนี้น่าจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเร็วขึ้นโดยในเดือนสิงหาคมปีนี้ จะเริ่มมีชาร์เตอร์ไฟล์ท และเที่ยวบินปกติเข้ามาบ้างแล้ว ขณะที่นักท่องเที่ยวจากตลาดจีนก็มีคุณภาพมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่ชอบเดินทางด้วยตัวเอง ไม่ใช้บริการบริษัทนำเที่ยว ล่าสุดมีรายงานว่า มีการลงทุนเปิดโรงแรมใหม่ๆในภูเก็ตมากขึ้น สิ้นปีนี้จะมีโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 1,000 ห้อง เช่น เชอราตัน, มิลเลเนียม,โฟร์ซีซั่น และเบสเวสเทิร์น จากปัจจุบัน ภูเก็ตมีห้องพักรวมทั้งหมด 32,000 ห้อง
|
|
|
|
|