อัตราการว่างงาน : เพิ่มขึ้นจาก 6.7% ในปี 1991 เป็น 7.4% ในปี 1992 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี
1984 เป็นต้นมาคาดว่าสถานการณ์ในปีนี้จะกระเตื้องขึ้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การค้า : มูลค่าการขาดดุลการค้าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 1992 มีสูงถึง 67,700
ล้านดอลลาร์ เทียบกับเพียง 55,000 ล้านดอลลาร์ของตลอดปี 1991 ภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทั้งในยุโรปและญี่ปุ่นในปีนี้
อาจจะส่งผลกระทบที่รุนแรงขึ้นต่อธุรกิจส่งออกของสหรัฐฯ
การเจริญเติบโต : อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในปีนี้อาจกระเตื้องขึ้นจากปี
1992 เพียงเล็กน้อย ไปอยู่ที่ระดับประมาณ 3%
ความเชื่อมั่น : ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนธันวาคมที่ผ่านมาพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบปีครึ่ง
ทว่า หากอัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูง จะเป็นปัจจัยที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้ลดลงอย่างมาก
มูลค่าขาดดุลงบประมาณ : สูงถึง 290,200 ล้านดอลลาร์ในปีการเงิน 1992 และคาดว่าจะพุ่งไปถึงระดับ
327,200 ล้านดอลลาร์ในปีการเงินนี้
ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ : สูงกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 14% ของจีเอ็นพีในปี
1992 ค่าใช้จ่ายในด้านสุขภาพนี้เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาการขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล
ค่าเงิน : ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งตัวขึ้น ด้วยแรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้น
และความคาดหมายที่ว่าเยอรมนีจะลดดอกเบี้ยลง
ภาษี : เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านการลดยอดขาดดุลงบประมาณรัฐบาลอาจต้องพิจารณามาตรการขึ้นภาษีในหลายด้าน
อาทิ ทรัพย์สินที่เป็นมรดก ภาษีคนรวย และภาษีด้านพลังงาน ตลอดจนอาจมีมาตรการภาษีที่เข้มงวดขึ้นต่อธุรกิจต่างชาติ
ภาวะเงินเฟ้อ : ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 1992 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ
3.1% เปิดทางให้คลินตันสามารถดำเนินมาตรการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจได้โดยไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อภาวะเงินเฟ้อ
ค่าใช้จ่ายภาครัฐบาล : อาจต้องใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 20,000-30,000
ล้านดอลลาร์ ในโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และการฝึกอบรม
อัตราดอกเบี้ย : อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นปัจจุบันที่ระดับ 3.25% นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ
30 ปี เฟดอาจต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันทีที่อัตราเงินเฟ้อเริ่มสูงขึ้น