|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"คิวคอน" เดินหน้าสร้างยอดขายตลาดส่งออก หวังขยายการเติบโตเพิ่ม 15% หลังส่งออกอิฐมวลเบาหรือคอนกรีตมวลเบาคุณภาพมาตรฐาน HEBEL ประเทศเยอรมนีไปในประเทศแถบมหาสมุทรอินเดีย ขณะที่ตลาดในประเทศเร่งขยายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มอีก 100 แห่งทั่วประเทศ
นายกิตติ สุนทรมโนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และการตลาด บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายคอนกรีตมวลเบาหรืออิฐมวลเบา ภายใต้แบรนด์ Q-CON เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทวางแผนจะเร่งขยายการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ให้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นตลาดหลักของบริษัท ล่าสุด Q-CON ได้ส่งสินค้าออกไปยังประเทศในแถบมหาสมุทรอินเดียแล้วถึง 3,000ลบ.ม.
ทั้งนี้ Q-CON เป็นผู้ผลิตคอนกรีตมวลเบารายเดียวของประเทศ และแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับลิขสิทธิ์และเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูงจาก บริษัท ฮีเบล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (HEBEL International GmbH &Co.) ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการคิดสูตรการผลิตแบบซีเมนต์เบส (Cement Base) ที่มีชื่อเสียง และเป็นผู้นำด้านคอนกรีตมวลเบาที่ทั่วโลกยอมรับมานานกว่า 70 ปี อีกทั้งยังเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมอสังหาฯ โดยนำไปใช้งานก่อสร้างอาคารทุกประเภท ทั้งในยุโรป ,ออสเตรเลีย ,สหรัฐอเมริกา และประเทศไทย เป็นต้น
" ตั้งแต่ไตรมาสสองเป็นต้นไป คิวคอนจะเพิ่มการส่งออกไปยังประเทศที่ได้ทำการส่งออกแล้ว เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ลาว กัมพูชา รวมถึงการขยายตลาดไปในประเทศใหม่ๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าการส่งออกโตที่ 7% จากยอดขายรวมทั้งหมด 1,000 ล้านบาท" นายกิตติ กล่าว
นายกิตติ กล่าวถึงแผนการทำตลาดในประเทศว่า คงเน้นเรื่องการนำเสนอสินค้าด้วยคุณภาพสูง ควบคู่ไปกับการบริการที่ดี สำหรับในปีนี้บริษัทฯจะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่ม จากเดิมที่มีอยู่ 250 แห่ง เป็น 350 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้เพิ่มรถบริการ 4 ล้อเล็กสำหรับการก่อสร้างบ้าน ขณะเดียวกัน ยังได้เปิดศูนย์ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์อบรมให้ความรู้กับช่างทุกคน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น
"บริษัทต้องเร่งขยายการให้บริการต่างๆ และพัฒนาคุณภาพสินค้าให้เกิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งตลาด 55% สำหรับปีนี้เราตั้งเป้าการขายเติบโตประมาณ 15% หรือคิดเป็นเม็ดเงินกว่า1,000 ล้านบาท" นายกิตติ กล่าว
อนึ่ง ในส่วนของผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 50 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 21.61 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2549 ที่มีขาดทุนสุทธิจำนวน 5.24 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขาย 269.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 56.57 ล้านบาท (เทียบกับ 212.5 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้น26.63% ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 49.70 ล้านบาท (เทียบกับ 39.67 ล้านบาท ) ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่บริษัทจัดให้มีกิจกรรมทางการตลาดเพื่อส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
|
|
|
|
|