Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน16 พฤษภาคม 2550
คลังเผย7เดือนแรกขาดดุล2.17ล้าน             
 


   
www resources

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

   
search resources

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
สมชัย สัจจพงษ์
Economics




สศค.เผยฐานะการคลังช่วง 7 เดือนแรกปีงบประมาณ 2550 ขาดดุล 217,349 ล้านบาท ระบุการขาดดุลสะท้อนถึงบทบาทนโยบายการคลังในการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม คาดไตรมาสหลังของปีรัฐบาลจัดเก็บรายได้มากกว่ารายจ่าย ส่งผลการขาดดุลการคลังมีจำนวนใกล้เคียงกับวงเงินขาดดุลงบประมาณที่กำหนดไว้

นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 ว่า รายได้นำส่งคลังของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 693,793 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 2.8 ในขณะที่รัฐบาลมีการใช้จ่ายเงินทั้งสิ้น 853,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 4.2 ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 ขาดดุล 159,484 ล้านบาท โดยขาดดุลเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 16,031 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.2 และเมื่อรวมดุลเงินงบประมาณกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุลจำนวน 57,865 ล้านบาท ทำให้ดุลการคลัง (ดุลเงินสด) ของรัฐบาลขาดดุลทั้งสิ้น 217,349 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลชดเชยการขาดดุลด้วยการใช้เงินคงคลัง 99,694 ล้านบาท การออกพันธบัตรจำนวน 87,655 ล้านบาท และการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 30,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ การขาดดุลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของนโยบายการคลังในการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในไตรมาสหลังของปีงบประมาณ 2550 รัฐบาลจะมีกระแสรายได้เข้ามามากกว่ารายจ่าย ซึ่งจะทำให้การขาดดุลการคลังมีจำนวนใกล้เคียงกับวงเงินขาดดุลงบประมาณที่กำหนดไว้ในเอกสารงบประมาณ

สำหรับรายได้นำส่งคลัง ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 693,793 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 2.8 โดยรายได้ที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ได้แก่ ภาษีเบียร์ ภาษียาสูบ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีแบตเตอรี่ ภาษีสุรา ภาษีน้ำมัน ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขณะที่รายจ่ายรัฐบาล ในเดือนเมษายน 2550 รัฐบาลมีรายจ่ายทั้งสิ้น 115,830 ล้านบาทโดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายประจำ 97,682 ล้านบาท รายจ่ายลงทุน 13,534 ล้านบาท และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 4,614 ล้านบาท ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 การเบิกจ่ายของรัฐบาล มีจำนวนทั้งสิ้น 853,277 ล้านบาท สูงกว่าการเบิกจ่ายในช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 4.2 โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 775,298 ล้านบาท (อัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 49.5) และรายจ่ายปีก่อน 77,979 ล้านบาท

นอกจากนี้ในส่วนของดุลการคลังรัฐบาลตามกระแสเงินสด จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้นส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุลทั้งสิ้น 159,484 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุลจำนวน 57,865 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจ่ายเงินเหลื่อมจ่ายจากปีงบประมาณ 2549 และการถอนเงินฝากนอกงบประมาณเพื่อโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจำนวน 31,272 ล้านบาท ทำให้ดุลการคลัง (ดุลเงินสด) ขาดดุลทั้งสิ้น 217,349 ล้านบาท โดยรัฐบาลชดเชยการขาดดุลด้วยการใช้เงินคงคลัง 99,694 ล้านบาท การออกพันธบัตรจำนวน 87,655 ล้านบาท และการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 30,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us