Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2536








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2536
"ดนัย ดุละลัมพะ "ลาก่อนชีวิตราชการ"             
 


   
search resources

ดนัย ดุละลัมพะ




ดนัย ดุละลัมพะ เอกอัครราชฑูต หัวหน้าคณะผู้แทนไทยประจำประชาคมยุโรปยืนยันกับ "ผู้จัดการ" ว่า ไม่เกินเดือนกันยายนศกนี้ เขาจะลาออกจากราชการอย่างแน่นอน

เป็นการตัดสินใจอำลาก่อนที่จะครบเกษียณถึง 3 ปี

"ผมอยู่มา 29 ปี และก็เบื่อพอสมควร งานมันจำเจไม่มีอะไรท้าทายอีกแล้ว" ดนัยกล่าว

ชีวิตในวงการราชการนั้น บางครั้งอาจจะผกผัน บางครา อาจรุ่งโรจน์ มีบ้างอาจจะขมขื่นเป็นส่วนผสม เส้นทางเดินของฑูตอีซีคนนี้ก็นับเป็นบทเรียนและแบบอย่างสำหรับหลาย ๆ คนได้เป็นอย่างดี

ดนัยเกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2479 เมื่อถึงวัยที่จะต้องเข้าสู่แวดวงการศึกษา ก็ข้ามฟ้าข้ามแผ่นดินไปเก็บเกี่ยวเอาความรู้ขั้นปริญญาโทสาขารัฐประศาสนศาสตร์ ถึงสหรัฐอเมริกา

เขาเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ชีวิตในวงราชการตั้งแต่เริ่มแรกว่า

"ผมเริ่มรับราชการที่กรมวิเทศสหการ อันนั้นงานมันแคบ เป็นงานรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ หน้าที่ตอนนั้น ก็คือ สกรีนคำขอจากหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการเจรจาขอทุนการศึกษา ผู้เชี่ยวชาญเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ

ดนัยคิดว่าหน้าที่ความรับผิดชอบที่กรมวิเทศสหการดังกล่าว มีแต่จะทำให้สมองของเขาแห้งดายลงทุกวี่ทุกวัน และด้วยพื้นฐานที่ชมชอบทางด้านนโยบายเศรษฐกิจเป็นทุนเดิม เขาจึงได้ขอย้ายไปอยู่กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติในยุคนั้น

จากนั้นไปอยู่กระทรวงต่างประเทศ ข้ามฟากไปกระทรวงพาณิชย์และกลับถิ่นเดิม ณ วังสราญรมย์อีกครั้งหนึ่ง เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตราชการ

พรรษายิ่งแก่ ความรู้ยิ่งกล้า

ประเดิมด้วยตำแหน่งอธิบดีกรมเศรษฐกิจในปี 2528 อีก 3 ปีต่อมาก็ย้ายระดับไปกินตำแหน่งใหญ่โตที่สำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับประเทศไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม

ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2531 จนถึงวันนี้ บทบาทและความเชี่ยวชาญของดนัยในฐานะ "เอกอัครราชฑูต หัวหน้าคณะผู้แทนไทยประจำประชาคมยุโรป" เป็นที่กล่าวถึงอยู่ไม่หยุดหย่อน

จึงดูเหมือนว่าเขาจะต้องทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญกับประชาคมยุโรป ประจำประเทศไทยไปโดยพฤตินัยอีกตำแหน่งหนึ่ง เขากลายเป็นแขกรับเชิญของหน่วยงานราชการภาคธุรกิจและสื่อมวลชนอยู่เสมอ ๆ ทุกครั้งที่กลับมาเมืองไทย

กับชีวิตในวันข้างหน้า

"ผมอาจจะออกไปอยู่บ้านเฉย ๆ หรือไปตั้งบริษัทที่ปรึกษาที่สุนก ๆ ไม่คิดจะทำอย่างจริงจังผมคิดจะทำเรื่องคอนซัลแต้นท์เกี่ยวกับยุโรปต่อไป แต่ไม่คิดจะมีลูกค้าเป็นสิบ ๆ รายอาจจะทำสัก 3-4 ราย เท่านั้น เป็นที่ปรึกษาทางด้านวิชาการและธุรกิจและอาจจะเขียนบทความอะไร ๆ สนุกสอนแลคเชอร์ หรือทำวิจัยอะไรก็ได้"

ด้วยความที่เป็นคนเก่ง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับการพิจารณาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าเป็นผู้เหมาะสมที่จะเป็นเลขาธิการอาเซียน ทำให้เขาถูกทาบทามจากภาคธุรกิจเอกชนให้มาร่วมบริหารงานด้วยอยู่หลายครั้งหลายครา

แต่ทุกครั้งเขาตอบปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า "มะพร้าวแก่ น้ำคงไม่หวาน"

"เดิมภาคธุรกิจไทยมีความจำเป็นที่จะต้องเอาข้าราชการระดับสูงไป เพราะธุรกิจไทยโดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจครอบครัว คนระดับคุณชิน โสภณพาณิช คุณถาวร พรประภา หรือคุณอวยชัย อัศวินวิจิตร สมัยนั้นลูก ๆ ยังเรียนหนังสืออยู่ เมื่อพ่อเริ่มแก่ แต่เขาต้องเข้าสู่ตลาดโลก มองไม่เห็นภาพตลาดโลก เห็นแต่ภาพฮ่องกง สิงคโปร์ เขาจึงจำเป็นต้องดึงคนอย่างท่านอานันท์ ท่านอำนวยเข้ามาเสริม แต่เดี๋ยวนี้พวกลูกเขาขึ้นมา เป็นประธานเก่ง ๆ กันทั้งนั้น อายุเพียง 30 เท่านั้น เรื่องอะไรเขาจะเอาคนแก่ ๆ อย่างผมเข้าไปอย่างมากก็ไปช่วยเพื่อนฝูงเก่า เป็นที่ปรึกษา ซึ่งผมก็ไม่พร้อมที่จะทำอย่างนั้น แต่ถ้าจะเอาผมไปบริหารบริษัท ผมก็คงแข่งขันสู้พวกเด็ก ๆ เหล่านี้ไม่ได้" ดนัยกล่าว

29 ปีที่ได้สั่งสมมาในฐานะข้าราชการผู้หนึ่ง ดนัยมั่นใจว่า ข้าราชการระดับอธิบดีของแต่ละกระทรวง ตัวต่อตัวแล้วสู้ผู้บริหารของภาคเอกชนได้อย่างสบาย

"แต่ที่เราสู้เขาไม่ได้ เพราะเรามาทะเลาะกันเอง กระทรวงพาณิชย์นี้แทบไม่มองหน้ากันเลย อธิบดีแต่ละคนอย่างสุคนธ์ อรนุช จเร หรือปลัดพชร มีความสามารถมาก แต่เพราะความที่เขาไม่รวมกัน ทุกอย่างเลยไม่ออกมาเป็นเอกภาพ"

สำหรับกระทรวงต่างประเทศแล้ว ปัญหาก็คือว่า ใครคือผู้เหมาะสมที่จะมาดูแลในเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องที่เกี่ยวกับประชาคมยุโรปต่อไป ซึ่งดูจะเป็นปัญหาที่หนักอึ้ง ในสภาวะที่ประชาคมยุโรปเริ่มต้นสู่ความเป็นตลาดเดียว และปัจจัยทางเศรษฐกิจได้กลายเป็นตัวกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในยุคสมัยปัจจุบัน

"พูดกันตรง ๆ เราไม่มีผู้ชำนาญทางด้านเศรษฐกิจเลย" ดนัยเองก็ยอมรับว่าคนอย่างลักษณาจันทร เลาหพันธ์หรือกษิต ภิรมย์ ก็เยี่ยมยอดในเรื่องเศรษฐกิจแต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ลักษณาหรือกษิตพร้อมที่จะกลับมาเป็นอธิบดีกรมเศรษฐกิจ หรือแม้แต่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยประจำประชาคมยุโรปหรือไม่

"ผมว่าเขาไม่พร้อม เหตุผลที่เขาไม่พร้อม เพราะเรื่องการแก่งแย่งกันภายในกระทรวง ซึ่งระบบทำให้เป็นอย่างนั้น" ดนัยกล่าวในที่สุด

ดนัย ดุละลัมพะ ในวันนี้ดูจะแก่เกินไปที่จะดำน้ำชมความงามใต้ท้องทะเล พร้อมกับลูกสาวในวันหยุด แต่ประสบการณ์ช่ำชองในเกมการค้าระหว่างประเทศ แน่นอนว่า เขาจะต้องเป็นเป้าหมายที่ธุรกิจขนาดใหญ่ ๆ หมายปอง ภายหลังจากปลดเปลื้องความเป็นข้าราชการออกไปแล้ว แม้จะออกตัวไว้แล้วว่า ไม่สนใจที่จะเดินไปในเส้นทางนี้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us