Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์7 พฤษภาคม 2550
แนวรบใหม่ ขยายฐานลูกค้าด้วยแพกเกจจิ้ง กลยุทธ์พิชิตตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม "โออิชิ"             
 


   
www resources

โฮมเพจ โออิชิ กรุ๊ป

   
search resources

โออิชิ กรุ๊ป, บมจ.
Green Tea
Marketing




แม้ว่าแบรนด์เล็กๆที่อยู่ในตลาดชาเขียวกว่า 30 แบรนด์ จะลดลงเหลือรายใหญ่อยู่ในตลาดเพียง 3-4 แบรนด์ แต่ปีนี้ยังเป็นปีที่ดุเดือดของตลาดชาเขียว "โออิชิ" เปิดเกมใหม่ ส่ง"แพกเกจจิ้ง"เป็นเครื่องมือการตลาดช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มครอบครัว และเด็กในตลาดต่างจังหวัด พร้อมเล็งเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกเครื่องดื่มในช่องทางร้านอาหาร และโรงภาพยนตร์

นั่นเป็นเพราะจากความเคลื่อนไหวของบรรดาคู่แข่งในตลาดชาเขียว "โออิชิ" ต้องเผชิญศึกรอบด้าน ทั้งคู่แข่งหลักใช้กลยุทธ์การแตกไลน์สินค้ารสชาติใหม่เข้าสู่ตลาด เซนชะ เปิดตัวชาชนิดผง และชาเขียวพร้อมดื่ม 2 รสชาติ ซึ่งมีจุดขายลดแคลอรี และวิตามินซี ตามมาติดๆคือ นะมาชะ รสธัญพืช รวมไปถึงคู่แข่งทางอ้อม ลิปตัน ที่ออกสินค้าใหม่ชาแดง และ"เพียวริคุ" เปิดตัวซับแบรนด์ "ฟรุ้ตไวท์ที"เข้ามาร่วมขบวนเพื่อแบ่งแชร์ตลาดชาพร้อมดื่ม อีกทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคชาเขียวที่ปันใจไปทดลองเครื่องดื่มประเภทใหม่ด้วยเช่นกัน

กอปรกับตลาดชาเขียวพร้อมดื่มอยู่ในช่วงขาลง ที่ผ่านยุคของการสร้างตลาดด้วยการสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้ถึงคุณค่าของชาเขียว อีกทั้งกลยุทธ์การตลาดจากเดิมที่ให้ความสำคัญในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ผ่านสื่อโฆษณาครบวงจร และที่สำคัญกลยุทธ์การตลาดด้วยแคมเปญโปรโมชั่นไม่อาจสร้างความสั่นสะเทือนได้เหมือนอย่างที่ผ่านมา "โออิชิ" แบรนด์เบอร์หนึ่งในตลาด ที่ได้รับความสำเร็จจากแคมเปญรวยฟ้าผ่า พลิกแผนสู้เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดชาเขียว ด้วยการชูแพกเกจจิ้ง เป็นหัวบุกในการกระตุ้นตลาดชาเขียว

แนวทางการทำตลาดในปีนี้ โออิชิ วางแผนใช้งบประมาณการตลาดในปีนี้ทั้งสิ้น 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 100 ล้านบาท และจากเดิมมีชาเขียวพร้อมดื่ม 5 รสชาติ ตามด้วยเครื่องดื่มอะมิโน โอเค และน้ำส้มเซกิ ซูเปอร์ออเรนจ์และน้ำทับทิม เซกิ และเตรียมออกสินค้าใหม่ที่เป็นเครื่องดื่ม 2 ชนิด

ทว่า นอกจากการออกสินค้าใหม่ การตอกย้ำจุดขายผ่านสื่อโฆษณา และการทำแคมเปญโปรโมชั่น ที่เรียกได้ว่า ชาเขียวพร้อมดื่มทุกค่ายมักใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการทำตลาดยุคนี้

ความพยายามในการกระตุ้นพฤติกรรมการดื่มชาเขียวด้วยกลยุทธ์ใหม่ๆ จากเดิมที่ผู้บริโภคให้ความนิยมชาเขียวในรูปแบบขวดเพ็ตเท่านั้น ปรับกลยุทธ์ทางด้านตัวแพกเกจจิ้งของกล่องยูเอชที รูปแบบใหม่ให้เป็นตัวขับเคลื่อนตลาดเพื่อเข้ามาเพิ่มโอกาสทางการตลาดและช่วยขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ 2 กลุ่ม

หนึ่ง ขยายฐานลูกค้าเข้าไปในกลุ่มครอบครัวและเจาะกลุ่มผู้ใหญ่ในร้านอาหาร ให้หันมาบริโภคชาเขียวมากขึ้น โดยมีการปรับขนาดเครื่องดื่มชาเขียวโออิชิ ขนาด 1 ลิตรเข้ามาวางตลาด พร้อมกับปรับสูตรให้เข้มข้นขึ้น โดยให้ชาเขียว 1 ลิตร ผสมกับน้ำแข็งและดื่มได้ 7-8 คน ทั้งนี้ ยังเสริมแนวทางการทำตลาด โดยใช้งบประมาณ 5 ล้านบาทในการนำสาวพริตตี้ออกไปทำตลาดตามร้านอาหาร ร้านขายหมูกระทะ ประมาณ 10 แห่ง และวางแผนจะขยายเพิ่มเป็น 45 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งที่ผ่านมาร้านหนึ่งมียอดจำหน่าย 10 ลังต่อวัน

สอง ขยายกลุ่มลูกค้าพื้นที่ต่างจังหวัด โดยปรับแพกเกจจิ้งโออิชิใหม่ให้มีขนาดเล็กลงในรูปแบบกล่องยูเอชที ราคา 6 บาทและราคา 10 บาท ซึ่งมีการสร้างการรับรู้โดยออก "ภาพยนตร์โฆษณา" พร้อมทั้งจุดเด่นทางด้านราคาเป็นเครื่องมือการตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มเด็กที่มีกำลังซื้อน้อยในช่องทางร้านโชวห่วยพื้นที่ต่างจังหวัด

มูฟวี่ มาร์เกตติ้ง สร้างพฤติกรรมกลุ่มคนดูหนัง ดื่มชาเขียว

ไม่เพียงกลยุทธ์แพจเกจจิ้งใหม่ที่สามารถช่วยขยายช่องทางตลาดในร้านอาหาร และขยายกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ต่างจังหวัดเท่านั้น การสร้างโอกาสทางการตลาดด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มคนดูหนัง ให้หันมาเลือกเครื่องดื่มชาเขียว กับป๊อปคอร์น แทนน้ำอัดลม ยังเป็นแนวรุกตลาดใหม่ของชาเขียว "โออิชิ"ขณะเดียวกัน การขยายฐานลูกค้าด้วยการเข้าไปทำตลาดกับกลุ่มคนดูหนังของ โออิชิ อาศัยจังหวะซึ่งเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ปีนี้ มีหนังฟอร์มยักษ์ดีๆเข้าคิวฉายในช่วง 2 เดือนนี้

เมื่อเร็วๆนี้มีการเปิดแคมเปญกลยุทธ์ Movies Marketing โออิชิ มูฟวี่ กิฟ มี ไฟว์ ซึ่งจับมือกับ เมเจอร์ ซินีเพล็กซ์ กรุ๊ป เป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมดูหนังให้หันมาบริโภคชาเขียวพร้อมกับการดูหนัง เมื่อซื่อตั๋วหนังใบแรกในราคาปกติ พร้อมนำฝาโออิชิ น้ำส้มเซกิ ซูเปอร์ออเร้นจ์ หรืออะมิโน โอเค รวมกัน 5 ฝา สามารถแลกตั๋วหนังได้ฟรีอีก 1 ใบ ตลอดเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนนี้

ที่สำคัญยังเป็นกลยุทธ์ในการขยายฐานกลุ่มคนดูหนัง ให้เปลี่ยนพฤติกรรมมาบริโภคชาเขียวเป็นเครื่องดื่มหลัก "ผู้บริโภคที่นิยมเครื่องดื่มเทรนด์ญี่ปุ่นของโออิชิยังคงเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายหลักของเมเจอร์ อย่างไรก็ตาม การจัดกิจกรรมการตลาดภายใต้กลยุทธ์ "มูฟวี่ มาร์เกตติ้ง"เป็นความต่อเนื่องจากกิจกรรมการตลาด"Movies Buffet โครงการ 3" เมื่อปลายปีที่ผ่านมา " ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวและเปิดเผยถึงผลของการปรับบรรจุภัณฑ์ให้เข้ากับพฤติกรรมการดื่มของแต่ละกลุ่มเป้าหมายว่า

"ไตรมาสแรก โออิชิมียอดขายเพิ่ม 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มตกลงประมาณ 30% จากตลาดรวมเครื่องดื่มชาเชียวมูลค่า 4.5 พันล้านบาท โดยในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% ส่วนปัจจุบันโออิชิมีส่วนแบ่งการตลาดชาเขียว 67% และมีส่วนแบ่ง 56% ในตลาดเครื่องดื่มประเภทชาทุกประเภท มูลค่าประมาณ 5 พันล้านบาท ส่วนรายได้รวมในปีนี้วางเป้าหมาย จะเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15% จากปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่ม 70% หรือ 4.5 พันล้านบาท และรายได้จากร้านอาหาร 30% หรือประมาณ 1.8 พันล้านบาท"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us