Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2536








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2536
"ค่ำคืนหนึ่งกับ "สอง วัชรศรีโรจน์"             
 


   
search resources

สอง วัชรศรีโรจน์
Stock Exchange




ค่ำวันพุธที่ 13 มกราคม 2536 ห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมรีเจนท์คับแคบลงไปถนัดตา ด้วยโต๊ะอาหาร 40 โต๊ะที่ถูกจับจองด้วยคนเกือบ 400 คน ในรายการอาหารเย็นเคล้าบทเสวนาหัวข้อ "เล่นหุ้นสไตล์สอง วัชรศรีโรจน์" ซึ่งจัดโดยนิตยสารพร็อพเพอร์ตี้มาร์เก็ต

นับเป็นรายการเดินสายพูดครั้งที่สามในชั่วเวลาเพียงสัปดาห์เดียวของ "เสี่ยสอง" สอง วัชรศรีโรจน์ สองครั้งแรกนั้นมีขึ้นที่เชียงใหม่และหาดใหญ่ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งจากมิตรรักนักลงทุนแห่งท้องถิ่น "ผมไม่ได้มาแก้ตัวเพียงต้องการชี้แจง ช่วงนี้เหมาะสมที่สุด เพราะเวลาก็ได้ผ่านไปพอสมควรแล้ว พูดอะไรออกไปคงไม่มีผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แน่" บุรุษผู้เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศเพียงชั่วข้ามคืนกล่าว

ก่อนหน้าที่จะถูกจับกุมเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ปีที่แล้ว สองเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างเงียบเชียบ ไม่แม้แต่จะพูดกับสื่อมวลชน แต่หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาในคดีปั่นหุ้นแบงก์บีบีซีแล้ว สองก็หันมาเล่นสงครามข้อมูลข่าวสาร ทั้งการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการกับหนังสือพิมพ์และวิทยุและการพูดในที่สาธารณะ

แม้จะไม่มีผลทางคดีสักเท่าไร แต่ก็เป็นการเปิดเกมรุกทางด้านกว้างวิพาษ์วิจารณ์การกระทำของตลาดหลักทรัพย์และ ก.ล.ต. ในเรื่องนี้ เป็นการสร้างแนวร่วมทางอารมณ์ความรู้สึกที่ได้ผลไม่น้อย

นอกจากสองแล้ว ผู้ร่วมรายการที่มาปรากฏตัวเพียงคนเดียวคือ เนวิน ชิดชอบ สส. พรรคชาติไทย ผู้เปิดประเด็นทางการเมืองในเรื่องหุ้นบีบีซี ด้วยการยื่นญัตติให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งกรรมาธิการสอบสวน จนเป็นชนวนให้ทางรัฐบาลตัดสินใจ "เชือด" สอง

บุญธรรม พิกุลศรี ผู้อำนวยการนิตยสารพร็อพเพอร์ตี้มาร์เก็ตเปิดเผยว่าได้เชิญเสรี จิตนเสรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งเอกกมล คีรีวัฒน์ เลขาธิการ ก.ล.ต. มาร่วมเสวนาด้วย แต่รายแรกตอบกลับมาว่าไม่ว่าง ส่วนรายหลังเงียบหายไปเฉย ๆ

"ตอนแรกมีผู้ใหญ่หลายคนตอบรับที่จะมาร่วม แต่ต้องขอถอนตัวภายหลังชนิดที่เช้าบอกว่ามาได้ แต่พอตกบ่ายโทรฯ มาปฏิเสธ ก็ไม่ทราบว่ามีแรงกดดันจากทางไหนหรือเปล่า" หนุ่มใหญ่ร่างเล็กชื่อบุญธรรมกล่าว

สองพูดถึงสไตล์การเล่นหุ้นของเขากล่าวโดยสรุปคือ จะแบ่งการลงทุนเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะเป็นการถือในระยะยาวหรือตั้งใจลงทุนจริง ๆ อีกส่วนจะเป็นการเก็งกำไรเพื่อให้โบรกเกอร์มีรายได้ด้วย และเพื่อให้ตนเองมีการตื่นตัวตลอดเวลา

"สำหรับหุ้นประเภทซื้อเช้าขายบ่ายมีน้อยมากมีแต่ซื้อวันนี้ขายพรุ่งนี้"

ผู้ฟังส่วนใหญ่ยังฝากความหวังไว้ที่สองว่าจะสามารถกลับมาช่วยฟื้นฟูบรรยากาศการลงทุนให้กลับมาคึกคักได้เหมือนเดิม แต่สองพยายามปฏิเสธและพูดถ่อมตนเพื่อลดความเป็นฮีโร่ในสายตานักลงทุน พร้อมทั้งยืนยันว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกัน

"ผมเปรียบเหมือนปลา ปลาตัวนี้ว่ายน้ำเร็วนักก็เอาไฟฟ้าช็อตมันยังไม่ตายจับไปตากอีก 3 วัน แล้วค่อยปล่อยลงน้ำ เออ..คุณพ้นมลทินแล้ว คุณคิดว่าปลามันจะว่ายน้ำได้เหมือนเดิมไหม" สองกล่าว

ด้วยลีลาการพูดที่มีเหตุผลและหนักแน่นตามสไตล์ของนักกฎหมายประกอบกับการใช้คำพูดในเชิงปรัชญา และอ้างถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าในบางครั้ง ทำให้คำพูดมีความน่าเชื่อถือและโน้มน้าวให้ผู้ฟังคล้อยตามได้ง่าย เช่น เขาได้ตอบคำถามเกี่ยวกับผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังว่าเป็นใคร

"คนเราถ้าไม่มีแบ็คจะไม่โต พระพุทธเจ้า พระรัตนตรัย เป็นสรณะของผมเป็นแบ็คอัพของผม" พร้อมทั้งย้ำว่า "ถ้าผมมีแบ็คอัพจริงป่านนี้ต้องออกมาแล้ว ไม่ต้องปล่อยให้ผมมีสภาพแบบนี้ ซึ่งหากเป็นคนไข้ก็ส่งเข้าห้องดับจิตแล้ว"

สองกล่าวแสดงความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างดี ถึงความไม่ได้รับความสะดวกและอภิสิทธิ์เหมือนนักลงทุนรายใหญ่ในการซื้อขายหุ้น รวมถึงโอกาสของการตกเป็นเหยื่อของปลาใหญ่ไดง่าย โดยอ้างถึงประสบการณ์ของตนที่เคยเป็นรายย่อยมาก่อน

"ผมมองตลาดหุ้น ด้วยความเป็นห่วงดัชนีขึ้นไปมากแล้ว แต่นักลงทุนยังหน้าเหี่ยวอยู่เลย โดยเฉพาะพวกแม่บ้านที่ตั้งใจมาหาค่ากับข้าว แต่ปรากฏว่ากลับบ้านแล้วบ้านหาย"

เรียกเสียงฮาจากผู้ฟังได้พอสมควรพร้อมกับกล่าวเพิ่มเติมว่า

"หากผมเป็น ก.ล.ต. ผมจะมีมาตรการช่วยเหลือรายย่อยโดยตรงก่อน เพราะช้างอย่างไรก็เป็นช้าง"

คราใดที่เอ่ยถึงอักษรย่อ 3 ตัว ก.ล.ต. สองจะมีท่าทีเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเองโดยเสมอว่า ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหาของ ก.ล.ต. แต่อย่างไร แต่ก็ไม่ลืมที่จะกระแนะกระแหน ก.ล.ต. ด้วยทุกครั้ง เช่น

ทันทีที่มี ก.ล.ต. ข่าวร้ายของตลาดฯ คือข่าว ก.ล.ต. เข้าไปตรวจตรงนั้น ตรงนี้ หุ้นลงพรวด ข่าวดีของตลาดฯ คือ ข่าว ก.ล.ต. ไม่เคยคิดจะจับ ซึ่งทำให้หุ้นขึ้นพรวดหรือ "ท่านอย่าคิดว่านักลงทุนนั้นโง่นะครับ คนคิดบางทีโง่กว่านักลงทุนอีก"

ไฮไลท์สุดท้ายคือ "เสี่ยหนึ่งพบเสี่ยสอง" ตามคำร้องขอจากผู้ฟังเสี่ยหนึ่งตามฉายาที่พิธีกรบนเวทีตั้งให้ก็คือเสรี ทรัพย์เจริญ อดีตประธานบริษัทราชาเงินทุนผู้อื้อฉาวจากคดีปั่นหุ้นเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ขึ้นมาเล่าเปรียบเทียบกรณีของสองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเป็นการปิดท้ายรายการ

รายการนี้บรรลุเจตนารมณ์ด้วยกันทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้จัดที่ได้รับการตอบสนองจากนักลงทุนเป็นอย่างดีฝ่ายผู้ฟังที่อย่างน้อยที่สุดก็ได้รับการปลอบประโลม เห็นอกเห็นใจจากภาวะเจ็บตัวจากการลงทุน ด้วยคารมของสองและตัวสอง วัชรศรีโรจน์เองที่ใช้งานนี้เป็นเวทีเดินเกมสร้างความนิยมชมชื่นจากผู้มาฟังได้เป็นอย่างดี

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us