|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
CPFไตรมาสแรกปีนี้ขาดทุน 1,135 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศซบเซา ราคาขายสินค้าต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ขณะที่ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับเพิ่ม รวมทั้งเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้ส่วนต่างค่าเงินต่ำลง มั่นใจไตรมาส 2 ดีขึ้นแน่ เหตุผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศจะให้ผลตอบแทนที่ดีสู่บริษัทแม่ ขณะที่ราคาหุ้น CPF วานนี้ลดลง 0.43%
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ CPF (งบรวม)ไตรมาสแรกปีนี้ขาดทุนสุทธิ 1,135.51 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 549.64 ล้านบาท ส่งผลให้จากเดิมที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 8 สตางค์เป็นขาดทุนต่อหุ้น 16 สตางค์ แม้ไตรมาสนี้จะมียอดขายรวม 29,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน 6% โดยกิจการที่ไปลงทุนในต่างประเทศเติบโตตามเป้าหมาย ซึ่งยอดขายในไตรมาสนี้ เป็นรายได้จากกิจการในประเทศไทย 69 % รายได้จากการส่งออก 17 % และรายได้จากกิจการในประเทศอื่น ๆ 14%
โดยผลกระทบจากภาวะสินค้าล้นตลาดและการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่ลดลง ทำให้ราคาสินค้าเนื้อสัตว์ที่ขายในประเทศไทย โดยเฉพาะสุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่ ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ประกอบกับข้าวโพดซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์ มีการปรับตัวของราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกันอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแข็งค่าขึ้นผลจากเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยนต่ำลง
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีนี้ CPFได้เปลี่ยนนโยบายการบัญชีสำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อย กิจการที่มีอำนาจควบคุมร่วม หรือบริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะกิจการ จากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุน ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชีฉบับวันที่ 26/2549 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่มีผลกระทบต่องบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท แต่มีผลกระทบต่องบการเงินเฉพาะกิจการ
ทำให้กำไรสุทธิที่รายงานในงบการเงินเฉพาะกิจการมีจำนวนแตกต่างจากกำไรสุทธิที่รายงานไว้ในงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท โดยยอดแตกต่างที่มีสาระสำคัญคือ การบันทึกเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยที่จัดสรรมาจากกำไรสะสมของบริษัทย่อยในงบเฉพาะกิจการของบริษัท มีผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของงบเฉพาะกิจการภายหลังการปรับนโยบายบัญชี ไม่แตกต่างจากก่อนการปรับมากนัก
“ ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและประเทศไทยในปัจจุบัน ประกอบกับภาวะราคาข้าวโพดที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์เพื่อการเลี้ยงสัตว์ที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ผู้ผลิตเนื้อสัตว์ในประเทศต่างๆ ก็ประสบกับความท้าทายเช่นเดียวกับประเทศไทย ทุกคนต้องมีการปรับตัว โดยกลุยทธ์หลักของ CPF นั้น ยังคงเดินหน้าต่อเนื่องในการสร้างตราสินค้าและความปลอดภัยของอาหาร (Food Safety) พร้อมออกสินค้าอาหารพร้อมรับประทานที่มีรสชาดดีหลากหลายประเภท เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการขยายจุดจำหน่ายเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น
สำหรับกิจการที่ CPF ไปลงทุนในต่างประเทศได้ส่งผลตอบแทนกลับมาตามเป้าที่เราตั้งไว้ โดยเฉพาะธุรกิจสัตว์น้ำที่เราไปลงทุนในประเทศอินเดีย มาเลเซีย และจีน สำหรับประเทศตุรกีก็มีการพลิกกลับเติบโตอย่างก้าวกระโดด ปีนี้ตุรกีน่าจะส่งผลกำไรดีกว่าปีที่ผ่านมามากพอสมควร จึงคาดการณ์ว่า ภาวะธุรกิจโดยรวมจะดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป” นายอดิเรก กล่าว
สำหรับราคาหุ้น CPF วานนี้พบว่าเปิดตลาดที่ 4.62 บาทและราคาค่อย ๆ ปรับลดลงมาอยู่ที่ 4.58 บ่ายโดยเฉพาะช่วงบ่ายที่ประกาศผลการดำเนินงานออกมาพบว่าราคาหุ้นลดลงมาอยู่ที่ 4.52 บาท ก่อนปิดตลาดที่ 4.58 บาท ลดลง 0.02 บาท คิดเป็น 0.43% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 43.85 ล้านบาท
|
|
|
|
|