"แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี" เตรียมปรับลดเป้าการเติบโตรายได้ปี 2550 ใหม่ภายในไตรมาส 5 นี้ หลังเจอพิษเศรษฐกิจและนโยบายกระตุ้นภาครัฐยังไม่มีความชัดเจน ด้านผู้บริหาร เผยแผนร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ดำเนินกิจการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ-ระบบการสื่อสาร คาดได้ข้อสรุปครึ่งหลังปีนี้
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT เปิดเผยว่า ภายในไตรมาสที่ 2/2550 นี้ บริษัทอาจจะพิจารณาปรับลดประมาณการเติบโตของรายได้รวมปีนี้ลง จากเดิมที่ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,700 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปี 2549 ที่มีรายได้รวม 2,278 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงนโยบายการสนับสนุนการลงทุนของภาครัฐยังไม่มีความชัดเจน
"ภาคธุรกิจทุกอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แม้ภาครัฐจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังไม่มีความชัดเจน หรือบางโครงการมีความล่าช้า ซึ่งผมเชื่อว่าปีนี้ทุกคนต้องเหนื่อยแน่ ขณะเดียวบริษัทเองปีนี้คงไม่คาดหวังว่าจะมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 20% ตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นต้องดูผลประกอบการครึ่งปีแรกหรือประมาณช่วงไตรมาส 2/50 ก่อนที่จะมีการปรับเป้ารายได้อีกครั้ง"นายศิริพงษ์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบการสื่อสาร ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะบอกรายละเอียดได้ เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ขณะเดียวกันบริษัทจะปรับฐานธุรกิจโดยพยายามขยายฐานธุรกิจและผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากจะทำให้โครงสร้างของธุรกิจมีความยั่งยืนและแข็งแกร่งสามารถที่จะแข่งขันกับคู่ค้าธุรกิจได้ โดยภายในอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท
นายศิริพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานที่รอรับรู้รายได้ในมือ (BLACK) ประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ รวมทั้งยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการยื่นประมูลอีกหลายโครงการ โดยปัจจุบันสัดส่วนงานของบริษัทแบ่งเป็นภาครัฐ 80% และภาคเอกชนอีก 20%
"รายได้หลักของบริษัทยังคงเป็นงานจากบริษัท ทศท. จำกัด (มหาชน) หรือทีโอที กระทรวงการศึกษา โครงการใหญ่บ้างเล็กบ้าง รวมทั้งการให้บริการด้านการบำรุงรักษาและพัฒนาโปรแกรมระบบงาน รวมถึงการให้เช่าสารสนเทศ" นายศิริพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนตัวอยากเห็นการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการทำแผนงานไว้แล้ว ดังนั้นควรจะรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งการเลือกตั้งที่มาจากประชาชนในช่วงปลายปีนี้ ที่ควรจะดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้
|