Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน8 พฤษภาคม 2550
บิ๊กนิปปอนลั่น5ปีขึ้นอันดับ1             
 


   
search resources

Paint
นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย), บจก.




นิปปอนฯวางยุทธศาสตร์แผน 5 ปี (2550-2555) ต้องขึ้นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมนี้ ขนาดของส่วนแบ่งตลาดไม่ต่ำกว่า 30% กำหนดแผนระยะสั้น ขยายโรงงานจัดซื้อที่ดินรองรับขยายกำลังการผลิต กำหนดผลิตภัณฑ์ให้ตรงกลุ่มลูกค้า รวมทีมฝ่ายขายและการตลาด เพื่อความสำคัญในการทำธุรกิจและคุมต้นทุน ส่วนแผนระยะกลางพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ และสูงสุดแผนระยะยาวสินค้าทุกตัวเป็นที่ยอมรับของลูกค้า สินค้ามีสภาพคล่องในการหมุนเวียนในตลาด

นายสืบพงศ์ พูนศรัทธา ประธานบริหาร นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดสีว่า ในปีนี้ภาพต่างๆ ไม่คอยเป็นบวก ส่วนใหญ่จะออกเป็นลบ ทั้งเรื่องการเมือง อัตราแลกเปลี่ยนที่มีผลต่อต้นทุน การลงทุนโดยรวมในปีนี้น่าจะขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประเด็นเรื่องกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และรวมถึงผลกระทบจากมาตรการสำรองเงินตราต่างประเทศ 30% รวมถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้คงโตไม่ถึง 4% ปัจจัยเหล่านี้ มีผลต่ออุตสาหกรรมสี ทำให้รายได้ของประชากรลดลง โครงการจัดสรรต่างๆ พยายามลงทุนแล้วรีบเก็บงานให้เสร็จ ระมัดรวังในการลงทุนมากขึ้น

"ถึงแม้ทางนิปปอนจะมองว่าตลาดรวมจะมีความต้องการชะลอตัว แต่มูลค่าตลาดสีในปีนี้น่าจะมีมูลค่าเกิน 20,000 ล้านบาท โดยในปี 2549 บริษัทมียอดขายประมาณ 4,300 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20% นั้นหมายความว่าอีก 80% ทางบริษัทยังมีช่องที่จะให้ผลิตภัณฑ์สีนิปปอนเข้าไปเสนอบริการให้แก่ลูกค้า ดังนั้น ต่อให้สถานการณ์ไม่ดี นิปปอนจะต้องเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและยอดขายให้ได้ ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การมุ่งทำสิ่งที่บริษัทถนัด อย่างอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมทาอาคาร โดยที่จะมุ่งคุมตลาดในสิ่งที่นิปปอนถนัด ไม่หว่านแหลงไป ซึ่งไม่คุ้มค่ากับงบลงทุน และไม่ก่อประโยชน์ในเชิงการตลาดเท่าไหร่นัก ดังนั้น การทำตลาดสีของบริษัทต้องไปสู่ความต้องการของตลาด เพื่อบริหารความเสี่ยง และบริหารต้นทุน ขณะเดียวกัน การใช้บุคลากรภายในจะมีกำลังมากขึ้น โดยจะมีการรวมทีมฝ่ายการตลดาและฝ่ายขายเข้าด้วยกัน จะเห็นได้ว่า ในบางครั้ง สถานการณ์ก็สร้างโอกาสด้วย เราต้องบริหารทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด "นายสืบพงศ์ กล่าวถึงการปรับตัวของบริษัทในภาวะปัจจุบัน

ประธานบริหารนิปปอนฯยังได้ชี้ถึงยุทธศาสตร์ของบริษัทในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2550-2555) ว่า ในแผนระยะสั้น ทางบริษัทจะต้องสร้างตำแหน่งในตลาดให้ชัดเจน พิจารณากลุ่มลูกค้าว่ากลุ่มใดมีศักยภาพต่อบริษัท ตรงนี้จะต้องลุยทุกภาคส่วนของประเทศโดยการขยายตลาดออกไปให้มากที่สุด อย่างเช่น จุดยืนในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ที่บริษัทมีผลิตภัณฑ์สีไร้กลิ่น ไม่มีอัตรายต่อสุขภาพ ซึ่งถือเป็นรายแรกในตลาด หรือแม้แต่สีพ่นรถยต์ ตรงนี้หากไม่ระมัดรวังแล้วจะมีผลต่อการทำตลาด เนื่องจากที่ผ่านมาอุตสาหกรรมสีพ่นรถยนต์ จะใช้สีน้ำมัน แต่เมื่อส่งไปต่างประเทศ จะมีคำถามว่า มีการใช้แรงงานเด็กหรือไหม ถ้าทารุณเด็ก สินค้าดังกล่าวจะถูกกีดกัน นอกจากนี้แล้ว การทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ จะเป็นอีกทางหนึ่งในการตอกย้ำแบรนด์ของนิปปอนให้ลูกค้าได้เข้าใจ โดยจะต้องพยายามทำหนังโฆษณาที่มีเนื้อหาเข้าถึงลูกค้าและลูกค้าสัมผัสได้ เป็นต้น

โดยในปี 2550 บริษัทมีทิศทางการลงทุนที่ชัดเจน เป็นการลงทุนต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เช่น ซื้อที่ดินประมาณ 60 ไร่ บริเวณบางประกง เพื่อทำโรงงานผลิตสีน้ำเคลือบรถยนต์ และเมื่อต้นปีนี้ ได้ลงทุนประมาณ 25 ล้านบาท ในการปรับปรุงโรงงานเดิมให้ดีขึ้นและภายในเดือนกรกฎาคม จะขยายโรงงานเพื่อทำตัวกัดเหล็กเพื่อให้สีติด นอกจากนี้ นิปปอนยังได้ซื้อคลังสินค้าประมาณ 30 ล้านบาท ที่บริเวณอิสเทิร์นซีบอร์ดประมาณ 6 ไร่ เพื่อสร้างเป็นโกดังเก็บสินค้า เพื่อป้อนสินค้าให้แก่บริษัท เจอเนอรัล มอเตอร์ ในส่วนของโรงงานที่พระประแดงนั้น กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะขยายโรงงานเพิ่มขึ้น แต่พื้นที่บริเวณดังกล่าวสามารถขยายพื้นที่ได้อีกมาก

สำหรับตลาดสีในแต่ละกลุ่มลูกค้านั้น ประธานบริหารกล่าวว่า ในส่วนของสีรถยนต์มีแนวโน้มที่บริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะมีบริษัทที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ใช้บริการสีสินค้าจากบริษัททั้งหมด เช่น ฟอร์ด,เจเนอรัลมอเตอร์ เป็นต้น ทำให้คาดว่าปีนี้ กลุ่มสินค้าสีรถยนต์จะเติบทางยอดขายได้ 10% และหากแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้น ทางบริษ้ทจะขยายการลงทุนทางด้านโรงงานเพิ่มขึ้น

ตลาดสีทาอาคาร ทางบริษัทจะมุ่งมั่นยกระดับผลิตภัณฑ์สีทาอาคารทั้งระดับพรีเมี่ยมและสีระดับกลางลงล่าง ให้เป็นรับรู้และลูกค้าให้การยอมรับมากขึ้น สีทาบ้าน ทางนิปปอนจะมุ่งให้ความสะดวกสบายแก่คู่ค้าและให้บริหารร้านค้า มีทีมเข้าไปช่วยร้านค้า หรือ การเป็นที่ปรึกษาให้แก่ร้านค้า และพัฒนาสีทางบ้านให้มีความโดดเด่นทั้งเรื่องของคุณภาพและประโยชน์ เช่น ทนต่อสภาพแวดล้อม กันเชื้อรา และต้องไม่สร้างความรำคาญให้แก่ผู้อยู่อาศัย อย่างในโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

" กลยุทธ์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนั้น นอกเหนือจากการออกสินค้าให้ตรงลูกค้าแล้ว การเผยแพร่ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดยทางบริษัทได้มีความร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยจุฬาและธรรมศาสตร์ ที่จะใช้วิชาความรู้จากบริษัทแม่จากญี่ปุ่น มาส่งเสริมการออกแบบสีให้เข้ากับโครงการ หรือโครงการจัดสรรก็ทำได้ ตรงนี้จะทำให้เกิดความเข้าใจในวงกว้างเกี่ยวกับการทำสีให้เข้ากับแต่ละตลาด "

นายสืบพงศ์ กล่าวว่า ในส่วนของแผนระยะกลางที่ทางบริษัทได้วางแนวทางเดินไว้ จะเป็นยุคของการพัฒนาบุคลากร ซึ่งในแต่ละปี ทางบริษัทได้เตรียมงบส่วนนี้ประมาณ 20 ล้านบาท ในการส่งเสริมประสิทธิภาพและคุณภาพของบุคลากรให้ดีขึ้น ในส่วนของแผนระยะยาวนั้น ขณะนี้นิปปอนพึ่งเริ่มต้นของการเดินตามแผนที่วางไว้ แต่จุดมุ่งหมายหลักข้างหน้าแล้ว นิปปอนต้องเป็นผู้นำในตลาดสี เป็นที่ยอมรับและมีการขับเคลื่อนต่อไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมนี้

" ทุกอย่างเราต้องกล้าคิด การทำ และถูกต้องด้วย เราต้องสร้างคู่ค้าให้โตตามเราไปด้วย นั่นหมายความตามแผน 5 ปีข้างหน้าแล้ว บริษัทจะมีส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมนี้ไม่ต่ำกว่า 30% หรือมูลค่าขายของบริษัทประมาณ 8,700 ล้านบาท จากที่ในปี 2550 คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 5,200 ล้านบาท และวางเป้าอัตราเติบโตรวมตลอด 5 ปีประมาณ 20% หรือโตปีละ 4-5 % ต่อปี "

ปัจจุบัน บริษัทีโอเอ มีส่วนแบ่งรวมในตลาดสีประมาณ 30% (นิปปอนประมาณ 20%), สีทาบ้าน ทีโอเอประมาณ 45% (ไอซีไอประมาณ 12%) ,สีรถยนต์ นิปปอนอันดับ 1 ประมาณ 44% (Kansai ประมาณ 40% ) ,สีเครื่องใช้ไฟฟ้า นิปปอนอันดับ 1 ประมาณ 40% (Thai Kansai Paint ประมาณ 12% ) และสีซ่อมรถยนต์ อันดับ 1 คือ Dupont 1 ประมาณ 28% และนิปปอนประมาณ 18%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us