|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"กระเบื้องตราเพชร" ยอมรับตลาดรวมหลังคาหดตัวมีผลต่อขาย แจงปี50เน้นรุกตลาดโครงการบ้านจัดสรร เร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มมูลค่าสินค้าผสมกับการสร้างแบรนด์ รองรับแผนขยายฐานผลิตระยะ2-3ปี หวังปรับผลิตภัณฑ์ขึ้นตลาดกลางและบน พร้อมทุ่มงบ200ล้านเพิ่มกำลังผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่ไม่มีส่วนผสมใยหิน เผย2-3ปีปรับไลน์การผลิตสินค้าทุกประเภทไม่มีส่วนผสมใยหิน ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต10% หรือมียอดขาย2,600ล้านบาท
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการ สายการขายและการตลาด บริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดในปี 2550 ว่า จะมีมูลค่าประมาณ 10,000ล้านบาท แบ่งออกเป็นกลุ่มสินค้ากระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ 70% และสินค้าในกลุ่มกระเบื้องคอนกรีต ซึ่งโดยปกติตลาดรวมหลังคาจะมีอัตราการเติบโต 2-3% ต่อปี แต่ในปีนี้ ยอมรับว่าตลาดหดตัวลงไปค่อนข้างมาก ทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์หลังคาของผู้ประกอบการทุกรายในตลาดตก โดยในส่วนของบริษัท ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ยอดขายสินค้ากลุ่มหลังคาลดลงไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดขายในส่วนของตลาดหลังคาจะลดลง แต่ยอดขายโดยรวมของบริษัทยังขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างเนื่อง โดยบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าในกลุ่มไม้ฝาเข้ามาแทนยอดขายในสินค้ากลุ่มกระเบื้องหลังคาที่ลดลงไป
" ในแต่ละปียอดขายกลุ่มไม้ฝาของบริษัทขยายตัวปีละ 10-15% นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการส่งออกสินค้าไปขายในตลาดต่างประเทศ เข้ามาเสริมให้ยอดขายของบริษัทเติบโตสวนกระแสตลาด โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดส่งออกมีอัตราการเติบโตกว่า 70% ทำให้ในปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายเพิ่มสัดส่วนสินค้าส่งออกไปขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 15% จากเดิมที่มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่5% ต่อปี " นายสาธิตกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2549 นั้น บริษัทมียอดขายรวม 2,390 ล้านบาท และได้ตั้งเป้าหมายในปีนี้ ที่จะมียอดขายรวมประมาณ 2,600ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% ซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากการส่งออกสินค้า นอกจากนี้ ยังมาจากยอดขายของสินค้าในกลุ่มไม้ฝาและกระเบื้องคอนกรีต ที่คาดว่าจะมีอัตราการขายตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในกลุ่มไม้ฝาปีนี้จะมีการขยายตัวของยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น10-15%
นายสาธิต กล่าวว่า สำหรับแผนการทำตลาดกระเบื้องหลังคา บริษัทจะเน้นรุกเข้าไปในกลุ่มโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมีสัดส่วนการขายในกลุ่มโครงการบ้านจัดสรรที่ 5% ส่วนที่เหลือเป็นการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย(ดีเลอร์) 95% ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าเข้าโครงการเพิ่มเป็น 10% ทำให้สัดส่วนการขายผ่านดีเลอร์ลดลงเหลือ 90% โดยกลุ่มสินค้าที่จะเสนอขายให้แก่โครงการนั้น จะเป็นสินค้าใหม่ที่เน้นการออกแบบ(ดีไซน์) และคุณภาพของสินค้า ซึ่งจะมีผลในด้านราคาขายที่เพิ่มขึ้น 10-15% และสามารถทำกำไรจากการขายสินค้าได้สูงขึ้น
สำหรับการขยายตลาดเข้าไปในโครงการจัดสรรเนั้น เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการสร้างแบรนด์ของบริษัทให้เข้าถึงกลุ่มตลาดกลาง-บนมากขึ้น เพื่อรองรับการปรับฐานผลิตภัณฑ์ในอนาคต โดยบริษัทตั้งเป้าว่าช่วง2-3 ปีจากนี้ บริษัทจะเริ่มปรับฐานผลิตภัณฑ์ขึ้นไปในตลาดระดับกลาง-บน เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรจากการขายขึ้น10-15% จากการออกสินค้าใหม่ที่จะแทรกเข้าไปในตลาดดังกล่าว ในขณะนี้บริษัทได้เริ่มปรับฐานผลิตภัณฑ์บางตัวแล้ว โดยการเพิ่มดีไซน์ในตัวสินค้า พร้อมทั้งปรับขึ้นราคาสินค้าตัวใหม่ที่ออกมาเจาะกลุ่มตลาดกลาง-บนด้วย
" การปรับฐานผลิตภัณฑ์จะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า จะช่วยให้มีกำไรจากการขายเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10-15% นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยจะเพิ่มกำลังผลิตในไลน์ที่8 ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มที่ไม่มีส่วนผสมของใยหิน ใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท และในระยะ2-3ปี ข้างหน้าจะเปลี่ยนส่วนผสมในการผลิตสินค้าในทุกไลน์ ให้ไม่มีส่วนผสมใยหินในทุกๆผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะใช้งบในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ไลน์ละ 50ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 300ล้านบาท"
|
|
|
|
|