Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 พฤษภาคม 2550
"ตราเพชร"รุกจับตลาดโครงการขยายแบนด์เจาะตลาดกลาง-บน             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด

   
search resources

กระเบื้องหลังคาตราเพชร, บมจ.
Tiles and Roofs




"กระเบื้องตราเพชร" ยอมรับตลาดรวมหลังคาหดตัวมีผลต่อขาย แจงปี50เน้นรุกตลาดโครงการบ้านจัดสรร เร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มมูลค่าสินค้าผสมกับการสร้างแบรนด์ รองรับแผนขยายฐานผลิตระยะ2-3ปี หวังปรับผลิตภัณฑ์ขึ้นตลาดกลางและบน พร้อมทุ่มงบ200ล้านเพิ่มกำลังผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่ไม่มีส่วนผสมใยหิน เผย2-3ปีปรับไลน์การผลิตสินค้าทุกประเภทไม่มีส่วนผสมใยหิน ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต10% หรือมียอดขาย2,600ล้านบาท

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการ สายการขายและการตลาด บริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดในปี 2550 ว่า จะมีมูลค่าประมาณ 10,000ล้านบาท แบ่งออกเป็นกลุ่มสินค้ากระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ 70% และสินค้าในกลุ่มกระเบื้องคอนกรีต ซึ่งโดยปกติตลาดรวมหลังคาจะมีอัตราการเติบโต 2-3% ต่อปี แต่ในปีนี้ ยอมรับว่าตลาดหดตัวลงไปค่อนข้างมาก ทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์หลังคาของผู้ประกอบการทุกรายในตลาดตก โดยในส่วนของบริษัท ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ยอดขายสินค้ากลุ่มหลังคาลดลงไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดขายในส่วนของตลาดหลังคาจะลดลง แต่ยอดขายโดยรวมของบริษัทยังขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างเนื่อง โดยบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าในกลุ่มไม้ฝาเข้ามาแทนยอดขายในสินค้ากลุ่มกระเบื้องหลังคาที่ลดลงไป

" ในแต่ละปียอดขายกลุ่มไม้ฝาของบริษัทขยายตัวปีละ 10-15% นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการส่งออกสินค้าไปขายในตลาดต่างประเทศ เข้ามาเสริมให้ยอดขายของบริษัทเติบโตสวนกระแสตลาด โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดส่งออกมีอัตราการเติบโตกว่า 70% ทำให้ในปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายเพิ่มสัดส่วนสินค้าส่งออกไปขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 15% จากเดิมที่มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่5% ต่อปี " นายสาธิตกล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2549 นั้น บริษัทมียอดขายรวม 2,390 ล้านบาท และได้ตั้งเป้าหมายในปีนี้ ที่จะมียอดขายรวมประมาณ 2,600ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% ซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากการส่งออกสินค้า นอกจากนี้ ยังมาจากยอดขายของสินค้าในกลุ่มไม้ฝาและกระเบื้องคอนกรีต ที่คาดว่าจะมีอัตราการขายตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในกลุ่มไม้ฝาปีนี้จะมีการขยายตัวของยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น10-15%

นายสาธิต กล่าวว่า สำหรับแผนการทำตลาดกระเบื้องหลังคา บริษัทจะเน้นรุกเข้าไปในกลุ่มโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมีสัดส่วนการขายในกลุ่มโครงการบ้านจัดสรรที่ 5% ส่วนที่เหลือเป็นการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย(ดีเลอร์) 95% ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าเข้าโครงการเพิ่มเป็น 10% ทำให้สัดส่วนการขายผ่านดีเลอร์ลดลงเหลือ 90% โดยกลุ่มสินค้าที่จะเสนอขายให้แก่โครงการนั้น จะเป็นสินค้าใหม่ที่เน้นการออกแบบ(ดีไซน์) และคุณภาพของสินค้า ซึ่งจะมีผลในด้านราคาขายที่เพิ่มขึ้น 10-15% และสามารถทำกำไรจากการขายสินค้าได้สูงขึ้น

สำหรับการขยายตลาดเข้าไปในโครงการจัดสรรเนั้น เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการสร้างแบรนด์ของบริษัทให้เข้าถึงกลุ่มตลาดกลาง-บนมากขึ้น เพื่อรองรับการปรับฐานผลิตภัณฑ์ในอนาคต โดยบริษัทตั้งเป้าว่าช่วง2-3 ปีจากนี้ บริษัทจะเริ่มปรับฐานผลิตภัณฑ์ขึ้นไปในตลาดระดับกลาง-บน เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรจากการขายขึ้น10-15% จากการออกสินค้าใหม่ที่จะแทรกเข้าไปในตลาดดังกล่าว ในขณะนี้บริษัทได้เริ่มปรับฐานผลิตภัณฑ์บางตัวแล้ว โดยการเพิ่มดีไซน์ในตัวสินค้า พร้อมทั้งปรับขึ้นราคาสินค้าตัวใหม่ที่ออกมาเจาะกลุ่มตลาดกลาง-บนด้วย

" การปรับฐานผลิตภัณฑ์จะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า จะช่วยให้มีกำไรจากการขายเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10-15% นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยจะเพิ่มกำลังผลิตในไลน์ที่8 ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มที่ไม่มีส่วนผสมของใยหิน ใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท และในระยะ2-3ปี ข้างหน้าจะเปลี่ยนส่วนผสมในการผลิตสินค้าในทุกไลน์ ให้ไม่มีส่วนผสมใยหินในทุกๆผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะใช้งบในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ไลน์ละ 50ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 300ล้านบาท"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us