Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 พฤษภาคม 2550
CBกวาดลูกค้าต่างชาติซื้อคอนโดฯเปรยมูลค่าซื้อลงทุนสะสม4ปีกว่า5หมื่นล้าน             
 


   
search resources

ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย), บจก.
Real Estate




ซีบี ริชาร์ดฯระบุ นักลงทุนต่างชาติมองหาโอกาสซื้อคอนโดฯเพื่อการลงทุน ชี้ 4 ปีที่ผ่านมา มีนักลงทุนต่างชาติซื้อคอนโดฯในพอร์ตของซีบีฯรวม 3,500-3,600 ยูนิต หรือมีธุรกรรมผ่านบริษัทฯมูลค่าประมาณ 35,000-52,000 ล้านบาท ส่วนโครงการใหม่ที่เข้าไปบริหารมีต่อเนื่อง แจงช่วง 3 เดือนคอนโดฯสร้างเสร็จ 48,128 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯระดับกลางลงล่าง ถึง 42,709 ยูนิต ชี้ตลาดอสังหาฯยังมีแนวโน้มขยายตัว หวังรัฐบาลหากเลือกมาตรกระตุ้นตลาด ควรเน้นลดภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมการโอน รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครว่า ปัจจุบันการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุน เป็นหนทางหนึ่งของการการลงทุนในภาวะที่เศรษฐกิจและการเมืองที่ยังไม่มีความแน่นอน และอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดต่ำลง รวมทั้งภาวะที่ซบเซาในตลาดหุ้นและอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลง

ทั้งนี้ จากการสำรวจตลาดคอนโดฯในกรุงเทพฯ ครั้งล่าสุด พบว่า ณ ไตรมาสแรกของปี 50 มีคอนโดฯสร้างเสร็จทั้งสิ้น 48,128 ยูนิต เพิ่มขึ้น 4,188 ยูนิต หรือคิดเป็น 9.53% จากไตรมาสแรกของปี 2549 แยกเป็นคอนโดฯระดับบนและระดับหรูประมาณ 5,419 ยูนิต และเป็นคอนโดฯระดับกลางลงล่างมากถึง 42,709 ยูนิต ขณะที่คอนโดฯเปิดตัวมีจำนวน 2,197 ยูนิต แยกเป็นคอนโดฯระดับบนและระดับหรู 830 ยูนิต และ 1,367 ยูนิตในส่วนของคอนโดฯระดับกลางลงล่าง ในส่วนของการเข้าพักอาศัย(Occupancy Rate) ในไตรมาสแรกมีประมาณ 84.1%

โดยคอนโดฯดังกล่าวที่สร้างเสร็จ จะตั้งอยู่ในย่านสาทร (ถนนสีลม ,สาทรและสวนพลู)สัดส่วน 21.4% , 4.4% ในย่านใจกลางลุมพินี (ถนนวิทยุ เพลินจิต หลังสวน และราชดำริ) , 34.6% ในย่านสุขุมวิท (สุขุมวิท ซอย 1-63 และสุขุมวิท ซอย 2-44), 8.2% ในย่านปทุมวัน (ถนนพญาไท และพหลโยธิน) และอีก 29.6% ในย่านริมแม่น้ำ (ถนนพระราม 3 เจริญกรุง และเจริญนคร)

ในขณะที่ผลการสำรวจครั้งล่าสุดของฝ่ายวิจัยยังพบว่า ในปี 2548 มีโครงการคอนโดฯระดับบนและระดับหรูเปิดตัวทั้งสิ้น 1,788 ยูนิต ขณะที่ ณ สิ้นปี 2549 มีการเปิดตัวลดลงเหลือเพียง 1,097 ยูนิตเท่านั้น คิดเป็นลดลง 38.6% และคาดว่าในปีนี้ จะมีโครงการใหม่เปิดตัวในปริมาณที่ใกล้เคียงกับปี 2549

กรรมการผู้จัดการกล่าวว่า ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (2546-2549)บริษัทมีโครงการที่นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาซื้อประมาณ 20-30 โครงการ ซึ่งคิดเป็นยอดสะสมของจำนวนยูนิตประมาณ 3,500-3,600 ยูนิต และหากใช้ราคาขายประมาณ 10-15 ล้านบาท มูลค่าโครงการที่บริหารจะประมาณ 35,000-52,500 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 7,000-8,000 ล้านบาท แต่ในบางปีจะมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท แล้วแต่ขนาดของโครงการที่บริษ้ทเข้าไป หากมีจำนวนยูนิตมาก มูลค่าในการบริหารจะเพิ่มขึ้น

" ในปีนี้ ลูกค้าโครงการที่จะเข้าไปบริหารยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการของเจ้าของโรงแรมสุโขทัย ซึ่งอยู่ในระหว่างการปรับปรุงแบบ พัฒนาบนเนื้อที่ 7 ไร่ครึ่ง โครงการของนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นรูปแบบคอนโดฯโลว์ไรท์ในซอยสุขุมวิท 39 พัฒนาบนเนื้อที่ 1 ไร่ จำนวน 110 ยูนิต โครงการในซอยสุขุมวิท 24 ของนักลงทุนคนไทย และโครงการที่พัทยา เป็นต้น " นางสาวอลิวัสสากล่าว

นางสาวอลิวัสสากล่าวต่อว่า โครงการคอนโดฯระดับบนและระดับหรูในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตลาดจะประสบกับภาวะซบเซาลงไปบ้าง ซึ่งในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนยังคงเข้ามาลงทุนในตลาดคอนโดฯของกรุงเทพฯ เพราะได้รับผลตอบแทนในรูปของค่าเช่าเฉลี่ย5-7% สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบันที่ลดลงมาอยู่ระดับ 3.5%

"ตามปกติแล้ว นักลงทุนในตลาดระดับบนและระดับหรูไม่ได้ประสบกับปัญหาทางด้านเงินทุน ทว่านักลงทุนบางกลุ่มขาดความเชื่อมั่น อันเนื่องจากปัจจัยลบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม หากภาครัฐจัดให้มีมาตรการเพื่อส่งเสริมตลาดและสร้างความเชื่อมั่น หรือมีปัจจัยบวกอื่น ๆ ก็จะทำให้นักลงทุนดังกล่าวกลับเข้าสู่ตลาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเห็นได้จากสถิติด้านยอดขายและการโอนกรรมสิทธิ์ มาตราการที่ซิบี ริชาร์ดฯ เห็นว่าจะมีผลตต่อการกระตุ้นตลาด ได้แก่ การลดภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่าธรรมเนียมการโอน และการขยายอัตราส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์ในคอนโดมิเนียมโดยชาวต่างชาติจาก 49% เป็น 70% เนื่องจากพบว่า โครงการในต่างจังหวัดส่วนใหญ่เกือบเต็มเพดานที่ 49% รวมถึงในส่วนของโครงการในกรุงเทพฯก็เริ่มอยู่ในระดับที่กฎหมายกำหนดไว้ "

สำหรับราคาคอนโดฯนั้น ทางซีบีฯพบว่า มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ราคาปรับตัวสูงขึ้นในระดับ 30 - 50% ซึ่งเห็นได้จากตัวอย่างราคาเฉลี่ยคอนโดฯระดับบนในย่านสาทรในปี 2545 อยู่ที่ 58,100 บาทต่อตร.ม. ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 80,000 บาทต่อตร.ม. , ย่านลุมพินีในปี 2545 อยู่ที่ 77,500 บาทต่อตร.ม.ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 108,000 บาทต่อตร.ม. และย่านสุขุมวิทในปี 2545 อยู่ที่ 49,000 บาทต่อตร.ม. ในขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 88,000 บาทต่อตร.ม.   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us