|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายสมชัย ว่องอรุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ซานิทารี่แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดสุขภัณฑ์ในประเทศปี2550 นี้ คาดว่า อัตราการขยายตัวจะลดลงค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับปี2549 โดยในปีนี้คาดว่าตลาดจะขยายตัวอยู่ในระดับ 2% จากที่ขยายตัวถึง10% ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะการชะงักงันด้านการลงทุนและการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ รวมถึงโครง การด้านที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงไปมากจากปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดก่อสร้างมีอัตราการขยายตัวติดลบ
“ การลงทุนก่อสร้างโครงการในภาครัฐบาล ทั้งในส่วนของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนหยุดการลงทุนพัฒนาโครงการ ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณในภาคราชการมีความล่าช้า ส่งผลให้การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ถูกชะลอไป ปัญหาเหล่านี้ได้กระทบถึงตลาดสุขภัณฑ์ที่ชะลอตัวลงไปด้วย อย่างเช่นแต่ก่อน โครงการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรมีส่วนช่วยในการกระตุ้นตลาดเพราะมีการใช้สุขภัณฑ์จำนวนมาก แต่หลังจากที่มีนโยบยลดปริมาณโครงการ ทำให้ความต้องการใช้สุขภัณฑ์ในตลาดรวมลดลงไปด้วย”
สำหรับบริษัทเอง แม้ว่าตลาดในประเทศจะมีการขยายตัวที่ลดลง แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว เนื่องจากมีการผลิตสินค้าขายในประเทศจำนวนน้อยประมาณ 30% ส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออกโดยมีสัดส่วน70% ทั้งนี้ แม้ว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท แต่ก็ไม่มาก เนื่องจากตลาดหลักของบริษัทเป็นตลาดยุโรป สัดส่วนสูงถึงเกือบ 50% ส่วนตลาดอเมริกาฯนั้น สัดส่วนการส่งออกมีไม่ถึง 5%
โดยในปี 2550 บริษัทได้ตั้งหมายยอดขายรวมไว้ประมาณ 300ล้านบาท มีอัตราเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปี 2549 นอกจากนี้ ในส่วนของสินค้าในประเทศ บริษัทจะมีการปรับฐานการผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยขยับขึ้นไปเจาะกลุ่มตลาดกลางถึงบนมากขึ้น จากเดิมที่เจาะตลาดกลางลงล่าง ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรเบื้องต้นเพิ่มขึ้นกว่า 100% ซึ่งในปีนี้ทางบริษัทจะมีการออกสินค้าใหม่ถึง 7 ซีรี่
นางสาวสิฏา แสงวิเชียร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โคห์เลอร์(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะเน้นเจาะตลาดกลางถึงบน โดยใช้สินค้าในแบรนด์โคห์เลอร์เป็นหลัก
ส่วนตลาดกลางลงล่าง จะใช้สินค้าในแบรนด์กะรัต สุขภัณฑ์ และสินค้าแบรนด์ใหม่ “แองเกิลฟิลด์” ก๊อกน้ำจากประเทศจีนที่นำเข้ามาทำตลาดร่วมกับสุขภัณฑ์กะรัต เน้นการทำตลาดผ่านพันธ์มิตรรายใหญ่ อาทิ ร้านโฮมโปร ,บุญถาวร และโฮมเวิร์ค เป็นต้น
" การนำเข้าก๊อกน้ำดังกล่าวเข้ามาทำตลาดร่วมกับสุขภัณฑ์กะรัตนั้น เพื่อให้บริษัทมีสินค้าครบ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าตลาดกลางลงล่าง ซึ่งในระยะแรกจะนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาทำตลาด หลังจากที่ตลาดขยายตัวตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ มีแนวโน้มที่บริษัทจะลงทุนเพื่อตั้งโรงงานผลิตสินค้าก๊อกน้ำภายในประเทศ "นางสาวสิฏากล่าวและว่า
ในส่วนของสุขภัณฑ์แบรนด์โคห์เลอร์ ที่กลุ่มลูกค้าตลาดกลางถึงบน จะเน้นทำตลาดผ่านสื่อโฆษณา และตัวแทน(ดีเลอร์)หรือพันธมิตรรายใหญ่ของบริษัทเช่นกัน ในเร็วๆ นี้จะมีสปอตโฆษณาทีวีออกมาโฆษณาสินค้า สำหรับการออกบูธในงานสถาปนิกสยามครั้งที่ 21นี้ บริษัทได้มีการเปิดตัวนวัตกรรมที่บริษัทฯได้นำมาแสดงในงานได้แก่ Steward Waterless Urinalโถปัสสาวะชายกับการชำระล้างแบบไม่ใช้น้ำ, DTVCustom Showeringแผงควบคุมระบบดิจิตอลที่ควบคุมแรงดันจังหวะและอุณหภูมิน้ำ 6 รูปแบบ, Artist Editionsอ่างล้างหน้าดีไซน์ผสานสุขภัณฑ์, Escale Suite สุขภัณฑ์ชุดEuropean Suites รูปแบบทันสมัยเข้ากับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่และห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด ฯลฯ
นายพีรพัฒน์ ศรีสกุลภิญโญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมเก้น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดรวมสุขภัณฑ์ในประเทศมีมูลค่า5,500 ล้านบาท โดยบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% ซึ่งเป้าหมายในปี 50 จะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 20% หรือมียอดขายรวมที่ 350ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 75-80% รายได้ที่เหลือมาจากการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ 15-20% ตลาดหลักคือ ประเทศฮ่องกง และเกาลูน โดยในปี 2551 ทางบริษัทจะเริ่มขยายตลาดไปสู่กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เนื่องจากภาพรวมของธุรกิจการก่อสร้างมีแนวโน้มเติบโตสูง
“ การที่เราตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตของบริษัทสูงถึง20% ขณะที่ตลาดในประเทศมีการชะลอตัว แต่ด้วยดีไซน์ของสินค้าและการเน้นรุกตลาดโครงการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทั้งผู้ประกอบการโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม ให้การตอบรับในสินค้าเพิ่มขึ้นมาก และเพื่อเป็นการสนองตอบความต้องการของตลาด บริษัทได้ออกสิน้าใหม่เพิ่มอีก 3ซีรี่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการออกสินค้าไปแล้ว 2 ซีรี่ทำให้ในปีนี้บริษัทจะมี สินค้ารองรับความต้องการลูกค้าถึง 5 ซีรี่ด้วยกัน โดยในส่วนของสินค้าออกใหม่ 3 ซีรี่ดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 50 ล้านบาท "นายพีรพัฒน์กล่าว
|
|
|
|
|