|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กลยุทธ์สร้างคนแบบคนสร้างบ้าน "พฤกษาเรียลเอสเตท" กับบันได 4 ขั้นสู่ความสำเร็จหารากองค์กร สกัด "DNA" สองขั้นแรกดึงศักยภาพคนพร้อมปูทัศนคติที่ดีใช้ "IT" ช่วยจัดการ ผู้บริหารไม่ต้องเหนื่อย พัฒนางานโดยไม่ต้องเพิ่มแรงงานหรือโอที ขั้นสาม-สี่ ใช้ชื่อเสียงเป็นแม่เหล็กดึงดูดคน สร้างความสุขบนเป้าหมายที่ท้าทาย ซื้อใจด้วยเซอร์ไพรส์
ผลสรุปอัตราการลาออกในปี 2549 จากสำนักวัทสัน ไวแอท พบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราการลาออกน่าตกใจมากที่สุดคือ ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสูงถึง 26.8% ซึ่งที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการองค์กรบอกว่าการเปลี่ยนงานของพนักงานในกลุ่มธุรกิจนี้ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เนื่องจากการเปลี่ยนทีมงานบ่อยทำให้คุณภาพงานของบริษัทในกลุ่มไม่คงที่
ขณะเดียวกันพฤกษา เรียลเอสเตทก็สร้างปาฏิหารย์ ให้เกิดขึ้นในวงการอสังหาริมทรัพย์ เพราะสามารถทำกำไรรวมกว่า 2,000 ล้านบาทและเติบโตแบบก้าวกระโดดก้าวขึ้นแท่นที่ 2 ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้ผลสำเร็จมาจากทีมงานที่มีประสิทธิภาพ
บันได 4 ขั้นสร้างคนสู่ความสำเร็จ
ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่สายงานธุรกิจ บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ลักษณะธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นงานที่ค่อนข้างหินเพราะต้องหาบาทสลึงแรกใหม่ทุกปี ดังนั้นต้องรักษาพนักงานให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้นตามด้วย
มีหลายคำถามเกิดขึ้นว่าเหตุใดระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา ความผันผวนในวงการอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถทำอะไรพฤกษาฯได้เลย
เหตุผลคือ โอกาสที่วัฏจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สั้นลงนั้น บริษัทจึงใช้ช่องนี้ปรับตัวให้เร็วมากขึ้น โดยคิดว่าต้องเร็วกว่าสิ่งที่ผู้บริโภครู้ นำสู่ความสำเร็จก่อนคนอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยทีมเวิร์กทั้งสิ้น
สิ่งที่ทำให้องค์กรทำรายได้ติดต่อกันเป็นประวัติการณ์ของพฤกษาฯนั้น คือ 1.โครงสร้างธุรกิจ การบริหารที่มีวิสัยทัศน์ 2.การสร้างมูลค่าในธุรกิจสิ่งสำคัญคือหาดีเอ็นเอในตัวคน สร้างทัศนคติที่มุ่งมั่นที่จะทำความสำเร็จให้องค์กร 3. เมื่อเป็นสตาร์ในวงการแล้ว ต้องมีแม่เหล็กที่จะดึงดูดคนเพื่อที่จะมาต่อยอดได้ และ4. การส่งเสริมทีมงานให้ทำงานอย่างมีความสุขบนเป้าหมายที่ท้าทาย
หารากองค์กร ตรวจดีเอ็นเอคน
บันไดขั้นแรกต้องเริ่มจากรากเหง้า เนื่องจากพฤกษาฯมีความต่างจากรายอื่น เพราะขยันมากกว่า ทำงานมากกว่า 3 เท่า เนื่องจากเป็นทั้งคนขายบ้าน คอนแทคเตอร์ และมีโรงงานผลิตวัสดุเป็นของตนเอง การวางโครงสร้างวิสัยทัศน์จึงเป็นพื้นฐานสำคัญ ต้องทำความเข้าใจและวางโครงสร้างธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายเริ่มที่งานบริหารต้องมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ และเป้าหมายธุรกิจที่ชัดเจน คือเป็นจุดที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ
ขั้นที่ 2 ระหว่างที่บริษัทกำลังจะเดินไปสู่ความสำเร็จจะทำอย่างไรให้พนักงานกว่าพันคนมีทัศนคติที่ดีกับงาน สามารถดึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวคนออกมาเพื่อส่งมอบงานที่ดีให้ลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการจัดการ เพราะเชื่อว่าไอทีเป็นตัวช่วยที่ดี นอกเหนือจากการบริหารจัดการด้านจิตวิทยา
"บริษัทมีระบบที่จะเข้าถึงลูกค้า และทำให้พนักงานในการดูแลสามารถรู้ความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที ผู้บริหารจะรู้ได้โดยไม่ต้องถามว่าพนักงานแต่ละคนดูแลลูกค้าคนไหน มีงานอะไรบ้างในความรับผิดชอบ"
นี่เองที่ทำให้ทุกอณูองคาพยพของคนพันกว่าทำงานอย่างรู้หน้าที่ และมีกระดิ่งเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าต้องทำอะไร ติดต่อกับใคร เมื่อไหร่?
ประเสริฐ บอกว่า ต้องทำขั้นตอนและวิธีการดังกล่าวกับพนักงานระดับล่างก่อนหากทำได้จะส่งผลดีกับการบริหารงานระดับบน ดังนั้นการจัดการไอทีควบคู่คนทำให้บริษัทไม่ต้องจ้างคนจำนวนมากเกินความจำเป็น เพราะเน้นเพิ่มศักยภาพคนเพื่อสร้างผลงานให้บริษัท
HR จะต้องเข้าใจจุดนี้ และหาทางพัฒนาการทำงานของตนเอง ปฏิบัติตัวเป็นเพื่อนคู่คิดกับฝ่ายบริหาร ทีมงานขาย และฝ่ายการตลาดได้ เพื่อพัฒนางานและคนทำงานให้ได้โดยไม่ต้องเพิ่มคน ไม่ต้องเพิ่มแรงงาน ไม่ต้องเพิ่มเทคโนโลยี ไม่ต้องเพิ่มโอที ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พฤกษาประสบความสำเร็จ
"ทีมงานทั้งหมดได้เฮ มีความสุขกับการทำงาน และรู้สึกว่าอยากจะทำงานอีกเพราะว่าเป็นความสำเร็จร่วมกันนั้นคือการทำงานของคนทุกคนบนกลยุทธ์และโมเดลธุรกิจที่วางไว้ร่วมกัน เพื่อที่จะส่งผลงานที่ดีให้กับบริษัท พยายามใช้คนที่เรามีอยู่ และใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด และส่งผลงานให้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องเชื่อมั่นในทีมงานว่าเขามีความสามารถหากเราช่วยเขาในเรื่องระบบต่างๆ และทักษะบางอย่าง เขาทำงานให้เราได้อยู่แล้ว ต้องเชื่อมั่น และแววตาต้องไม่ตก"
หากมีเป้าหมายที่ท้าทาย หัวหน้าก็ต้องแน่วแน่ สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้เกิดในใจลูกน้องให้ได้ ทีมงานบริหารหัวโต๊ะต้องมุ่งมั่นให้พนักงานระดับกลางและล่างเห็น พร้อมกับชี้แนวทางที่จะเดิน ถ้าประสบความสำเร็จครั้งแรกแล้ว การสร้างปรากฏการณ์ครั้งที่สองหรือสามก็ง่ายดาย นี่คือปรัชญาในการทำงานของคนสร้างบ้านแบบพฤกษา
สร้างความคิดเชิงบวก ส่งผลบวกกำลังสอง
ประเสริฐ บอกอีกว่า การถ่ายทอดทัศนคติเชิงบวกให้พนักงาน “Passion to be” ซึ่งเป็น Core Competency หรือดีเอ็นเอของคนที่จะมาทำงาน นอกจากจะมองโลกในแง่ดีแล้วต้องวิ่งให้ทันคนสร้างบ้านคนอื่นด้วย
"คนที่ทำงานเรื่อยๆ จะทำงานกับพฤษาลำบาก เพราะถ้าวิ่งไม่ทันก็จะโดนคนอื่นลากไป แต่ถ้าพนักงานคนอื่นลากไม่ไหว บริษัทก็ต้องหาคนอื่นมาแทน"
วิธีที่จะทำให้พนักงานเกิดทัศนคติที่ดีต่องาน และกระหายความสำเร็จ ต้องได้รับแรงหนุนจากผู้บริหารให้โอกาสพนักงานระดับล่างเสนอไอเดีย และนำเสนองบประมาณ ตลอดจนวิธีการเสนอโครงการ ซึ่งอาจจะผิดบ้างถูกบ้าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่กระตุ้นให้เขาเกิดความรู้สึกอยากจะทำ ในบางโครงการอาจต้องใช้งบประมาณมาก บริษัทก็สนับสนุน โดยมองว่ามันเป็นการลงทุน เมื่อผู้บริหารมองในแง่บวก พนักงานก็จะฮึกเหิมในการคิดสิ่งใหม่ๆ เพื่อทำสิ่งที่อาจเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
"สิ่งที่สื่อสารกับลูกน้องแต่ละคำจะต้องเป็นมุมมองเชิงบวก On the job positive thinking ทำได้ และเรามีหน้าที่และกลยุทธ์ไอเดียที่จะไปถึงได้แม้ตลาดจะไม่ดี เราจะไม่พูดเด็ดขาดว่าแย่แล้วๆ แต่เราจะคิดถึงการปรับตัว เพราะถ้าหากเราไม่ปรับเราก็จะพูดคำนั้นออกมาจริงๆ"
ทั้งนี้ HR ต้องกล้าทักหากผู้บริหารคิดหรือพูดอะไรที่ไม่สร้างสรรค์ ทักให้เสียงเบาลง แต่ต้องมีเทคนิค พูดคุยในบรรยากาศสบายๆ เราต้องจัดการทั้งเจ้านาย ลูกน้อง เพื่อนร่วมงานเราต้องทำให้ได้เพื่อให้เกิดบรรยากาศและทัศนคติที่ดีในการทำงาน
ความสำเร็จของทีมงานหรือของบริษัท จะไม่ให้พนักงานรู้จากหน้าหนังสือพิมพ์ เพราะพวกเขาต้องรู้จากปากผู้บริหารก่อนลำดับแรก โดยใช้สื่อภายในบอกให้พนักงานรู้ก่อนเสมอ เพื่อให้เขาภูมิใจในความสำเร็จ ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จ หรือบางโอกาสก็บอกล่วงหน้าประมาณกลางโปรเจ็กต์ เพื่อเร้าพลังงานในตัวเขาออกมา ซึ่งเป็นจุดเล็กจุดน้อยที่ไม่ควรมองข้าม
สร้างแรงดึงดูด สู่เป้าหมายที่ท้าทาย
บันไดที่ 3 จะเกิดหลังจากที่องค์กรเป็นสตาร์ในวงการ จะต้องดึงดูดคนเพื่อที่จะมาต่อตัวกับโมเดลที่วางรากไว้แล้ว เพื่อรองรับการขยายตัวการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน
การสร้างแรงดึงดูดให้พนักงานจากพื้นฐานของธุรกิจ แม่เหล็กของบริษัทเราจะสร้างจากพื้นฐานธุรกิจ ซึ่งในวันนี้สามารถการันตีได้ว่าพฤกษาฯเป็นบริษัทที่น่าร่วมงานด้วย
รูปแบบการสร้างทีมงานของพฤกษาเป็นแบบกบในกะลาหงาย เท้าเราเหยียบกะลาและตาเรามองฟ้า เพราะการหาคนเก่งมาเสริมทีมงานต้องมีเครือข่ายภายนอกด้วย เรียกว่า Business partner โดยใช้บริษัทโฆษณา ประชาสัมพันธ์ จากภายนอก เพราะต้องยอมรับว่าในบางเรื่องบริษัทไม่มีความรู้ และไม่สามารถเรียนรู้และทำงานทุกอย่างได้ทัน ดังนั้นต้องหาผู้ชำนาญ เพื่อที่จะโตเร็วกว่าคนอื่นและสร้างสิ่งใหม่ให้บริษัท
"ดึงจุดแข็งเหล่านี้มาไว้ในบริษัท และพนักงาน เขาก็จะมีความสุขทีได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก การทำแบบนี้จึงเป็นการเทรนนิ่งแบบลัดที่ดี นอกจากนี้ยังเน้นที่ปรึกษาที่มีความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ สร้างเครือขายกับภายนอก ทำให้เราพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ลดความผิดพลาดของทีมงานและความเสียหายของบริษัท"
บันไดขั้นที่ 4 สุดท้ายเป็นการส่งเสริมศักยภาพพนักงานให้ทำงานอย่างมีความสุขบนเป้าหมายที่ท้าทาย ซึ่งพฤกษาให้ความสำคัญกับความสุขของพนักงานเท่าๆ กับใส่ใจในความสำเร็จ บริษัทไม่ต้องการให้พนักงานแบกความเครียดเพื่อที่จะทำยอดขายสูงๆ แต่ต้องสร้างให้เกิดความเครียดในระดับหนึ่ง
"อาจจะพูดง่ายแต่ทำยาก การสร้างความรู้สึกความสำเร็จร่วมกันระหว่างพนักงานและบริษัท ทำให้รู้สึกว่าบริษัทได้เงิน เขาก็ได้เงินด้วย สิ่งที่บริษัทมีคือ การให้ การล่อ การซื้อใจ โดยการให้ในสิ่งที่เกินคาดหมายกับพนักงาน เป็นของขวัญตอบแทนความมุ่งมั่น เช่น เซอร์ไพรส์พนักงานโดยพาไปเที่ยวต่างประเทศ"
ประเสริฐ ฝากข้อคิดให้ผู้บริหารไว้อย่างน่าสนใจว่า
"ในจำนวนเงินเหรียญบาทหนึ่งเหรียญมีค่าต่างกัน ถ้าในธุรกิจเงินบาทเดียวเล็กมากหรือไม่มีค่าเลยสำหรับผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่โต แต่ตรงกันข้ามหากผู้ใหญ่นั้นบอกว่าถ้าพนักงานทำอย่างนี้แล้วจะให้เงินหนึ่งบาท สำหรับพวกเขามันใหญ่มากมีค่ามาก"
ความผูกพันสร้างได้เช่นนี้เอง...
|
|
|
|
|