โรงถลุงเหล็กสหวิริยาหรือ SSI ยังวนในอ่าง โอกาสแจ้งเกิดเริ่มริบหรี่หลังบริษัทต่อรองลดเงินลงทุนเฟสแรกจาก 9 หมื่นล้านบาทเหลือ 6 หมื่นล้านบาทโดยกำลังผลิต 5 ล้านตันคงเดิม บีโอไอโต้เป็นไปไม่ได้ ขณะที่อุตฯ ฟันธงมีปัญหาเรื่องเงินลงทุนไม่พร้อม แต่ไม่ยอมรับ รอสหวิริยายื่นอุทธณ์ที่ต้องรอบอร์ดบีโอไอตัดสิน ขณะที่ “สหวิริยา”โต้มีเงินลงทุน แต่รัฐไม่ส่งเสริมจริงจังเตรียมยื่นแผนกับรัฐบาลใหม่แทน
นายสาธิต ชาญเชาว์กุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า แผนการลงทุนกิจการเหล็กครบวงจรของเครือสหวิริยาที่แจ้งขอปรับวงเงินการลงทุนใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันทางเครือสหวิริยายังไม่ได้ยื่นเข้ามายังบีโอไอแต่อย่างใด ซึ่งหากยื่นมาทางบีโอไอก็พร้อมที่จะพิจารณาส่งเสริมการลงทุนฯ ให้อยู่แล้วเนื่องจากกิจการโรงถลุงเหล็กจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมภาพรวมโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่อนาคตไทยจะต้องใช้เหล็กอย่างมาก
“ก่อนหน้านี้ทางเครือสหวิริยาเองแจ้งมาที่จะขอลดเงินลงทุนในเฟสแรกใหม่ ซึ่งทางบีโอไอก็ขอให้ทำแผนใหม่เข้ามาก่อนแล้วค่อยมาดูรายละเอียด”นายสาธิตกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้ร่วมพิจารณาแผนการลงทุนกับบีโอไออย่างใกล้ชิดในช่วงที่ผ่านมาเพื่อให้เกิดโรงถลุงเหล็กในไทย อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญสุดที่ผ่านมาคือเครือสหวิริยาไม่มีทุนเพียงพอที่จะดำเนินการหากไม่หาผู้ร่วมทุนเข้ามาร่วมซึ่งที่ผ่านมาเครือสหวิริยาปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ต้องการผู้ร่วมทุนทั้งที่มีนักลงทุนสนใจในขณะนั้นแต่ล่าสุดนักลงทุนอาจต้องลังเลเพราะกิจการเหล็กนั้นมีการแข่งขันสูงและต้องเป็นรายใหญ่ที่มีศักยภาพพอ
ทั้งนี้ การหารือล่าสุดร่วมกับบีโอไอสหวิริยาจะขอลดเงินลงทุนเฟสแรกจากเดิมจะผลิตได้ปี 2551 ขนาด 5 ล้านตันต่อปี ลงทุน 90,200 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 31,000 ล้านบาทลดเงินลงทุนเหลือ 60,000 ล้านบาทซึ่งทางบีโอไอเห็นว่าการผลิตระดับ 5 ล้านตันต่อปีแต่ลดเงินลงทุนลงเป็นไปไม่ได้ หากจะลดเงินลงทุนก็จะต้องลดกำลังผลิตลงด้วย
ส่วนปัญหาท่าเรือน้ำลึกทางสหวิริยาฯเองก็ต้องการที่จะขอยกเว้นภาษี 8 ปีซึ่งบีโอไอไม่ได้เป็นปัญหาใดๆ เพราะอยู่ในเฟส 3 อยู่แล้วแต่สหวิริยาต้องการเว้นภาษีโดยไม่จำกัดวงเงินที่ได้รับแต่เงื่อนไขบีโอไอให้ได้แต่ละปีไม่เกินหมื่นล้านบาท
“ล่าสุดสหวิริยาอาจจะทำเรื่องขออุทธรณ์ต่อบีโอไอซึ่งปกติจะสามารถทำได้อยู่แล้วหากไม่พอใจกับการเจรจาโดยสามารถนำแผนเก่าเข้ามายื่นแล้วให้บอร์ดบีโอไอเป็นผู้พิจารณาได้”แหล่งข่าวกล่าว
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.สหวิริยา สตีล อินดัสตรี หรือ SSI กล่าวว่า โรงถลุงเหล็กคงจะต้องยื่นกับรัฐบาลใหม่เนื่องจากแผนที่ขอปรับใหม่ที่ยื่นกับนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมยังไม่ชัดเจนเพราะกระทรวงอุตสาหกรรมไม่มีนโยบายที่จะส่งเสริมในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง
สำหรับกรณีที่มีผู้มองว่าโครงการของสหวิริยาเกิดไม่ได้เพราะขาดเงินทุนนั้น ไม่เป็นความจริงเพราะสหวิริยาพร้อมที่จะลงทุนเองโดยหากไม่มีผู้ร่วมทุนก็สามารถดำเนินการเองได้โดยเฟสแรกที่จะใช้เงินลงทุน 9 หมื่นล้านบาทก็มีเงินทุนในเครือเองแล้ว 3 หมื่นล้านบาทซึ่งสามารถจัดหาเงินกู้ได้ แต่หากรัฐต้องการให้มีผู้ร่วมทุนบริษัทก็พร้อมเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทเองก็ไม่ได้ต้องการผู้ร่วมทุนแต่ฝ่ายรัฐเกรงว่าจะเดินหน้าไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2550 เครือสหวิริยาได้ยื่นขอปรับแผนลงทุนโรงถลุงเหล็กขนาด 30 ล้านตันที่ได้รับส่งเสริมฯจากบีโอไอไปก่อนหน้าตลอด15 ปีลงทุนประมาณ 5 แสนล้านบาทต่อนายโฆสิตโดยแผนที่ปรับใหม่จะเลื่อนผลิตออกไป 1 ปีจากกำหนดเริ่มปี 2551 กล่าวคือ แผนใหม่จะปรับเป็นผลิตเฟส 1 ปี 2552 ผลิต 1.5 ล้านตันต่อปี ลงทุน 36,000 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 12,000 ล้านบาท ปี 2553 ผลิต 1.5 ล้านตันต่อปี ลงทุน 20,000 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 6,700 ล้านบาท ปี 2554 ผลิต 2
ล้านตันต่อปี ลงทุน 34,000 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 11,350 ล้านบาท เฟสที่ 2 ปี 2557 กำลังผลิต 5 ล้านตันต่อปี ลงทุน 131,000 ล้านบาท เฟส 3. ปี 2560 กำลังผลิต 5 ล้านตันต่อปี ลงทุน 79,800 ล้านบาท เฟส 4 ปี 2563 ผลิต 5 ล้านตันต่อปี ลงทุน 79,800 ล้านบาท เฟส 5 ปี 2566 กำลังผลิต 7.5 ล้านตันลงทุน 117,200 ล้านบาท
|