|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤษภาคม 2550
|
|
ใครๆ ก็ว่าโลกร้อน แต่อากาศต้นเดือนมีนาคมที่สวีเดนยังหนาวยะเยือก ภาพหิมะสีขาวปกคลุมเมือง Norrkoping สลับกับป่าสน และอาคารบ้านเรือน เป็นภาพแรกที่มองเห็นจากหน้าต่างเครื่องบิน เพิ่งรู้ว่านี่คือหิมะสุดท้ายของปี
เรามาถึง Norrkoping เมื่อหิมะกำลังละลาย ขณะแท็กซี่ขับฝ่าอากาศหม่นมัวและความหนาวเย็นเข้าสู่ตัวเมือง สองข้างทางจึงเต็มไปด้วยหิมะมอมแมมที่ถูกกวาดกองทิ้งไว้ พื้นถนนเจิ่งนองด้วยน้ำ อากาศอุ่นขึ้นจาก -5 เป็น 2 องศา ฤดูหนาวสั้นลง และฤดูใบไม้ผลิของสวีเดนกำลังจะมาถึงเร็วกว่าปกติหนึ่งเดือน
Norrkoping เป็นเมืองเก่าสงบเงียบ อยู่ตอนใต้ของกรุงสตอกโฮล์ม เป็นที่ตั้งของหน่วยงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติสวีเดน หรือที่เรียกกันว่า SMHI (Sweden Meteorological and Hydrological Institute) มีนักวิจัยทำงานด้านอุตุนิยมวิทยา และอุทกวิทยามากกว่า 800 คน ปัญหาโลกร้อนทำให้ SMHI กลายเป็นศูนย์กลางของข่าวสารข้อมูล ขยายเครือข่ายการทำงานอย่างกว้างขวาง รวมทั้งเปิดหลักสูตรฝึกอบรมนานาชาติเกี่ยวกับ Climate Change เป็นครั้งแรก
การเดินทางมาอบรมเรื่องโลกร้อนร่วมกับเพื่อนต่างชาติ 19 ประเทศ จากภูมิภาคเอเชีย แอฟริกา ละตินอเมริกา และบางส่วนจากยูเรเชีย ดูจะเป็นจังหวะเวลาเดียวกับที่ทั้งโลกกำลังเอิกเกริกตื่นตัวเรื่องนี้ สถานีโทรทัศน์ BBC และโทรทัศน์สวีเดนมีทั้งข่าว สารคดี และบทสัมภาษณ์ที่ถกแถลงกันเรื่องภาวะโลกร้อน ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์กว่า 2,000 คน กำลังขะมักเขม้นทำงานอยู่ใน IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change) ช่วยกันรวบรวมข้อมูลตัวเลข และเชื่อมโยงองค์ความรู้หลายมิติจับใส่เข้าไปใน GCM (Global Climate Model) ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์จำลองที่แตกต่างกันมากกว่า 30 แบบ เพื่อประเมินภาวะโลกร้อนในอนาคต ผลที่ได้มีความแตกต่างกันเพียงค่าตัวเลขเท่านั้น
รายงานทุกฉบับต่างบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันคือ ภายในปี 2100 โลกจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1.4-5.8 องศา ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นราว 0.09-0.88 เมตร แต่หากก้อนน้ำแข็งขั้วโลกหรือเกาะกรีนแลนด์เกิดละลายขึ้นมาจริงๆ แล้ว ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นถึง 20 ฟุต เหมือนในหนังของอัล กอร์ เรื่อง An Inconvenience Truth นี่แหละคือภัยคุกคามที่จะก่อหายนะให้กับโลก ที่สำคัญดูเหมือนการตื่นตัวของชาวโลกในวันนี้คงช้าไปบ้างแล้ว เตรียมรับมือเถอะ เพราะทุกวันนี้ชาวโลกบางส่วนกำลังสร้างภาคอวสานของ The Day After Tomorrow ด้วยมือของตนเอง
เรื่องโลกร้อนก็เช่นเดียวกับประเด็นสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เริ่มต้นด้วยเสียงค้าน เรียกร้องหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อมายืนยัน ซึ่งจะไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่รับประกันความถูกต้องได้ หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของสวีเดน ทำโครงการรณรงค์เรื่องภาวะโลกร้อนมาตั้งแต่ปี 2004 ด้วยหลักการที่ว่า ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ที่ดูเหมือนจะไกลตัวแบบนี้ ต้องเป็นการรณรงค์ให้ผู้คนตระหนักว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของเรา พร้อมข้อเสนอแนะและทางออกที่ทุกคนสามารถลงมือทำอะไรบางอย่าง เพื่อส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง การทำงานอย่างจริงจังของเจ้าหน้าที่แบบนักการตลาดมืออาชีพ ได้ยกระดับความรู้ความเข้าใจและเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนของชาวสวีเดนไปได้ระดับหนึ่ง
แต่การรณรงค์เป็นแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ความเป็นจริงต่างหากที่มาเขย่าประตูบ้าน ภัยพิบัติรุนแรงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนก้าวเข้าสู่สหัสวรรษใหม่เมื่อช่วงคริสต์มาสปี 1999 สวีเดนและทวีปยุโรปเผชิญกับพายุรุนแรงถึง 3 ครั้ง ภายในเวลาเดือนเดียว 8 มกราคม 2005 เฮอริเคน Gudrun ขุดรากถอนโคนป่าสน 25 ล้านต้น ภาคใต้ของสวีเดนเป็นอัมพาตไปสองอาทิตย์ นับเป็นภัยพิบัติรุนแรงที่สุดของสวีเดนในรอบ 30 ปี ยุโรปเจอกับคลื่นความร้อนถึงสองครั้ง คือ ปี 2003 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 40,000 คน คลื่นความร้อนเมื่อปี 2006 รุนแรงน้อยกว่า แต่ทำให้สวีเดนเจอกับอากาศร้อนที่มีสถิติเกือบสูงที่สุดนับแต่มีการบันทึกไว้ คำว่า "ธรรมชาติในยุโรปบ้าคลั่งไปเสียแล้ว" จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนตระหนักได้ด้วยตนเอง
ทุกที่มีประวัติศาสตร์
การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นในห้องเรียนที่ SMHI เป็นไปอย่างเข้มข้น ดังนั้น เราไม่ได้เรียนรู้เพียงเรื่องโลกร้อน หรืออาหารไวกิ้งและการเต้นรำพื้นเมืองของสวีเดนเท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้การจัดการน้ำในกรุงมะนิลา รู้จักกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยพยากรณ์อากาศของจีน การจัดการเรื่อง Food Security ในนามิเบีย และแทนซาเนีย การทำงานของ NGO ในโบลิเวีย กระทรวงวิทยาศาสตร์ของบราซิล หน่วยงานสิ่งแวดล้อมของไนจีเรีย การท่องเที่ยวของเกาะชวา รวมทั้งหน่วยงานด้านน้ำของปาเลสไตน์ นี่เป็นสิ่งดีที่สุดอย่างหนึ่งของการเดินทางในลักษณะนี้
Norrkoping...โปรดอย่าอ่านออกเสียงอย่างที่คิด เพื่อนชาวแอฟริกาที่เพิ่งเดินทางมายุโรปเป็นครั้งแรก ต้องตกขบวนรถไฟ Stockholm-Norrkoping เพราะมัวแต่ถามหาชื่อเมืองนอร์คอปิง ซึ่งมีแต่คนส่ายหัวไม่รู้จัก ที่นี่เรียกว่านอร์ชอปิง พวกเราเรียกกันเองว่า No Shopping เมืองที่เงียบสงบ จนได้ยินหลายเสียงที่ไม่เคยได้ยินในเมืองใหญ่ ทำนองเพลงจากระฆังใหญ่ของเมืองดังกังวานทุก 4 ชั่วโมง เสียงเรียบเบาเหมือนเรือลอยน้ำของรถรางสายสั้นๆ ที่วิ่งรอบเมือง เสียงน้ำหลากลงสู่ปากอ่าวของแม่น้ำโมตาลา และบางครั้งในบ่ายวันอาทิตย์ เมื่อพระอาทิตย์ยังส่องสว่างตอนสองทุ่ม การเดินเล่นอยู่ในเมืองนี้ก็เหมือนกำลังดูหนังเงียบ
ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมพื้นฐานของยุโรป อย่างสิ่งทอ กระดาษ ม้วนเสื่อส่งให้จีนและประเทศแถบเอเชีย โรงงานต่างๆ ทยอยปิดตัวลง Norrkoping ก็เช่นเดียวกัน พื้นที่กลางเมืองริมแม่น้ำโมตาลาเป็นย่านอุตสาหกรรมเก่าแก่ นับเป็นสำนักช่างใหญ่แห่งหนึ่งของสวีเดน เคยเป็นศูนย์กลางสิ่งทอ แหล่งผลิตอาวุธและกระดาษพิมพ์รายใหญ่ เมื่อโรงงานสุดท้ายย่านกลางใจเมืองปิดตัวลงเมื่อปี 1986 ชาวเมืองต้องตัดสินใจว่าจะรื้อทิ้ง หรือจะรักษาประวัติศาสตร์ของเมืองไว้
Industrial Landscape ของ Norrkoping สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย โรงงานหลายประเภทซึ่งถือกำเนิดในยุโรป ได้ปิดฉากการผลิตไปแล้วโดยสิ้นเชิง วัฏจักรการเติบโตจนถึงวันสิ้นสุดกินเวลายาวนานเกือบ 400 ปี ความน่าสนใจของเส้นทางเดินเท้ารอบย่านอุตสาหกรรมเก่าของ Norrkoping ไม่ใช่เพียงเพราะทิวทัศน์ Landscape ที่สวยงามแปลกตา หรือโรงงานก่ออิฐเก่าๆ ที่ยังเก็บรักษาไว้ แต่ยังมีกลิ่นอายของพลังการผลิต วิถีชีวิตของผู้ใช้แรงงาน กรรมกร คนงาน รวมทั้งประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมที่ผ่านการเติบโต การต่อสู้ และจุดจบ หนึ่งในนั้นคือ Holman Paper Factory โรงงานผลิตกระดาษพิมพ์ ซึ่งมีอายุถึง 300 ปี และปิดกิจการโดยขายให้จีนไปเมื่อปี 1986
ทุกวันนี้ Industrial Landscape เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ มีอาคาร Louis De Keer Congress & Concert Hall ที่นำโรงงานกระดาษของ Holman มาตกแต่งใหม่ สภาพของโรงงานกระดาษ โรงผลิตอาวุธ โรงงานสิ่งทอลายผ้ายุคร้อยปีก่อน รวมทั้งภาพประวัติ ของบรรดาช่างฝีมือชายหญิงผู้ขยันขันแข็งแห่ง Norrkoping ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีภายใน The City Museum และ The Museum of Work
สำหรับชาวเมือง Norrkoping วิถีชีวิตคนงานได้เปลี่ยนแปลงไป ปัจจุบันเศรษฐกิจของ Norrkoping ขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรม บริการ Logistic เทคโนโลยี รวมทั้ง Knowledge Economy ซึ่งมีแคมปัสย่อยของมหาวิทยาลัย Linkoping และ SMHI เป็นผู้ให้บริการรายใหญ่
But The Sun Here Is Cold
ถึงโลกจะร้อนแต่เพื่อนสาวชาวไนจีเรียที่ถักเปียฝอยๆ ทั่วทั้งหัว ทำหน้ายุ่งรำคาญใจ พร้อมบ่นดังๆ ในวันที่แดดจัดจ้า แต่อุณหภูมิยังอยู่ที่ 2 องศา ...The sun here is cold!!... จริง พระอาทิตย์ที่นี่ช่างเย็นเสียนัก ทุกอย่างเย็นไปหมด แม้แต่อาหารเช้าที่โรงแรมก็เป็น Cold Meal อาหารพื้นเมืองแบบสวีดิช คือ ปลาแซลมอนรมควัน ปลาเฮอริงดองกับส้ม ขิง และพริกไทย ไข่ต้ม ขนมปัง แฮม และชีสหลากชนิด ไม่มีซุปร้อนๆ เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น ดังนั้น พวกเราดื่มชา กาแฟ และช็อกโกแลต วันละหลายแก้ว ดื่มความอุ่นและ สูดดมความหอมกรุ่นจากถ้วย เพื่อทดแทนสิ่งที่ขาดหายไป
รายงานอากาศของ SMHI มีประสิทธิภาพมากขึ้นทุกที การพยากรณ์ล่วงหน้า 5 วัน มีความแม่นยำมากกว่า 80% ในสัปดาห์ที่สามของการอบรม เรามีโปรแกรมเดินทางไปกรุงสตอกโฮล์ม SMHI รายงานว่า อากาศที่สตอกโฮล์มจะหนาวเย็นลง มีลม ฝน และอาจมีหิมะตก ถึงกระนั้นการเดินทางไปเมืองหลวงแห่งสแกนดิเนเวียนที่มีเกาะ 24,000 เกาะ มีพิพิธภัณฑ์กว่า 100 แห่ง ได้เดินลัดเลาะอยู่ในเขต Gamla Stan ซอกซอนไปตามทางเดินแคบๆ กว้างเพียงครึ่งเมตร ระหว่างซอกตึกซึ่งเป็นเอกลักษณ์เมืองเก่าของสตอกโฮล์ม ได้เข้าไปเดินดูห้องโถงจัดงานเลี้ยงรับรองผู้ได้รับรางวัลโนเบลใน City Hall พยายามสัมผัสธาตุรู้และปัญญาญาณสมัยใหม่ของอารยธรรมมนุษย์ ที่อาจล่องลอยหลงเหลืออยู่หลังงานจัดเลี้ยง กับเส้นทางเดินบนถนน Drottninggatan ที่หนุ่มสาวหน้าตายิ้มแย้มสดใสเดินถือป้าย Free Hugs เข้าไปโอบกอดคนเดินผ่านไปมาที่ตอบรับคำเชิญชวน โอบกอดที่จริงใจจากเพื่อนมนุษย์ ที่แม้จะแปลกหน้า แต่ก็ทำให้อบอุ่นได้
Free Hugs ที่สวีเดน ทำให้เรารู้สึกได้ว่า ถึงอากาศจะหนาว โลกจะร้อน แต่ความอบอุ่นจากสัมพันธภาพของมนุษย์ ยังคงทำให้โลกนี้น่าอยู่ ความหวังยังมีพลังแห่งความดีและปัญญายังคอยถ่วงดุลกับด้านที่มืดและร้อน บางทีอากาศในที่ที่หนาวเย็นจะอบอุ่นขึ้นและโลกอาจร้อนน้อยลง
|
|
|
|
|