กลุ่มทุนมาเลเซียเริ่มขยายธุรกิจการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯเข้าสู่ประเทศไทย ผ่านบริษัทแปซิฟิค สตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ประเดิมเงินลงทุนจากกองทุนเอเชีย เรียลเอสเตท อินคัม ฟันด์ หนึ่งในกองทุนของกลุ่มแปซิฟิค สตาร์ เข้ามาลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็นท์ 2 โปรเจกต์ในโซนซีบีดี มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ลั่นในช่วง 1-2 ปี ขอสร้างชื่อบริษัท เล็งปีที่ 3-5 จะเริ่มเข้าสู่ยุคการออกกองทุนฯอสังหาฯ ยอมรับหนักใจเรื่องกฎหมายคนต่างด้าว แต่ระยะยาวแล้วไทยมีศักยภาพในการลงทุน
นายอุรเสฏฐ นาวานุเคราะห์ ผู้จัดการด้านบริหารสินทรัพย์ บริษัท แปซิฟิก สตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทแปซิฟิค สตาร์ ซึ่งมีผู้ก่อตั้งเป็นคนสัญชาติมาเลเซีย ได้ตัดสินใจที่เริ่มขยับการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียอย่างเต็มที่ หลังจากได้มีการก่อตั้งบริษัทเมื่อช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา มีสำนักงานแรกอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ และเมื่อช่วงต้นปี 2549 ทางกลุ่มบริษัทแปซิฟิคฯ เข้ามาจัดตั้งบริษัทในประเทศ รวมแล้วขณะนี้ทางกลุ่มได้มีการเปิดตัวบริษัทในภูมิภาคเอเชียไปแล้ว 4 แห่ง คือ มาเลเซีย ,สิงคโปร์,เซียงไฮ้และประเทศไทย และอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะเปิดอีกหลายแห่ง ได้แก่ ที่ประเทศออสเตรเลีย , ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และประเทศจีน
สำหรับกลุ่มบริษัทแปซิฟิคฯ มีความชำนาญในด้านการลงทุนทางด้านอสังหาฯ การจัดสรรเงินทุน การบริหารสินทรัพย์ ืและบริการการจัดการอสังหาฯในเอเชีย ได้ทำตลาดด้านการลงทุนอสังหาฯเป็นหลัก ซึ่งในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯมีมูลค่าธุรกรรมผ่านมาในมือประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 70,000-80,000 ล้านบาท เช่น Wisma Atria and Ngee Ann City to Macquarie MEAG Prime REIT รูปแบบห้างสรรพสินค้าในประเทศสิงคโปร์ ในเดือนก.ย. พ.ศ. 2548 ที่สามารถทำกำไรได้ถึง 29%
" รูปแบบธุรกิจของบริษัทแปซิฟิค สตาร์ฯจะทำครบวงจร ตั้งแต่ตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทุนที่ระดมเงินได้จะจัดหาแหล่งไปลงทุนทั้งในส่วนของที่ดินและทรัพย์สินต่างๆ การพัฒนาโครงการ รวมถึงบริหารการขาย ซึ่งเมื่อพิจารณาจุดต่างๆที่บริษัทจะเข้าไปลงทุน ทั้งในไทยและในประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียแล้ว แสดงว่าแนวโน้มของตลาดในเอเชียยังเติบโตได้อีก ประกอบการคู่แข่งขันที่จะทำธุรกิจภายใต้รูปแบบของบริษัทมีน้อย "นายอุรเสฏฐ กล่าว
โดยการลงทุนในประเทศไทยนั้น ในช่วงแรกทางบริษัทแปซิฟิค สตาร์ฯจะพยายามสร้างชื่อเสียงของบริษัทให้ลูกค้าได้รับรู้ ซึ่งในช่วงปลายปี 2549 ทางบริษัทได้ลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 2 โครงการ ในทำเลศูนย์กลางธุรกิจ(CBD) ซึ่งเป็นโครงการแนวสูงระดับพรีเมี่ยม มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท โครงการแรกคาดจะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนมิ.ย.ถึงก.ค. และโครงการที่ 2 จะเปิดตัวในช่วงเดือนก.ย.ถึงต.ค.
ในส่วนของแหล่งเงินที่จะนำมาดำเนินการโครงการดังกล่าว จะมาจากเอเชีย เรียลเอสเตท อินคัม ฟันด์ หรือ AREIF ซึ่งเป็น 1 ใน 2 กองทุนรวมอสังหาฯที่กลุ่มบริษัทแปซิฟิค สตาร์ฯได้จัดตั้งขึ้น โดยเงินทุนที่กองทุน AREIF สนับสนุนในครั้งนี้ คิดเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของทุนเงินกองทุนที่มีมูลค่าประมาณ 500 ล้านยูโร ขณะที่อีกองทุนจะชื่อ BAITAK Fund ถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลคูเวต
" ช่วง 1-2 ปี เราต้องการสร้างชื่อ สร้างความน่าเชื่อถือของบริษัทให้ลูกค้าได้รับรู้ ซึ่ง 2 โครงการดังกล่าวจะมีส่วนในการผลักดันบริษัท และเชื่อว่าภายในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า จะเข้าสู่ธุรกิจในด้านการออกกองทุนอสังหาฯได้ ซึ่งตรงนี้อาจจะช่วยให้นักลงทุนไทย มีโอกาสขยายการลงทุนสู่ตลาดต่างประเทศได้ " ผู้จัดการด้านบริหารสินทรัพย์กล่าว
นายแดเนียล รอสส์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการลงทุนบริษัท แปซิฟิก สตาร์ฯกล่าวว่า ในระยะนี้ ทางบริษัทจะต้องพยายามสร้างความสัมพันธ์กับธุรกิจต่างๆ เพื่อผลในระยะยาว ส่วนสถานการณ์ทางการเมือง และเรื่องกฎหมายประกอบธุรกิจคนต่างด้าวนั้น ตนก็ให้ความสำคัญและติดตามประเด็นดังกล่าวมาตลอด อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นใจศักยภาพของประเทศไทย ประกอบการการลงทุนของบริษัทเป็นการวางฐานในระยะยาว
|