โรส มีเดีย ฯ สยายปีกลุยสื่อโทรทัศน์ เดินหน้าเตรียมผุดรายการเพิ่มอีก 3 รายการเจาะกลุ่มเด็ก ชู “Reaching Kids Through Entertainment” ต่อยอดรายได้จากสินค้าสำหรับเด็ก หวังเป็นตัวสร้างรายได้หลักแทนวีซีดีต่อไปในอนาคต เชื่อสิ้นปีรายได้เฉียดเป้าที่วางไว้กว่า 1,000 ล้านบาท
นายจิรัฐ บวรวัฒนะ รองประธานกรรมการสายงานการตลาด บริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า จากเดิมที่บริษัทฯได้สิทธ์ในการดูแลลิขสิทธ์การ์ตูนหลายๆเรื่อง ทั้งจากญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โดราเอมอน หรือ การ์ตูนจากกลุ่มมาเวล ทำให้บริษัทฯมีแผนที่จะต่อยอดธุรกิจผ่านช่องทางโทรทัศน์ต่อไป
โดยตั้งเป้าเปิดตัวรายการโทรทัศน์ภายในปีนี้อย่างน้อย 3 รายการ ซึ่งได้เริ่มเปิดตัวรายการโทรทัศน์ไปแล้ว 1 รายการในปีนี้ คือ รายการ “แก๊งการ์ตูน”ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 7.30-8.00น. นำเสนอการ์ตูนสำหรับเด็ก ส่วนอีก 2 รายการนั้น คาดว่าจะสามารถเปิดได้ในช่อง7 และช่อง 9 ต่อไป โดยยังคงคอนเซปต์รายการสำหรับเด็กต่อไป แต่รายละเอียดรายการจะมีความแตกต่างกัน
“การที่ทางบริษัทฯหันมาทำธุรกิจผลิตรายการป้อนสถานีโทรทัศน์นั้น เนื่องจากพบว่ารายได้หลักจากกลุ่มวีซีดีที่มีอยู่ขณะนี้ อาจจะไม่มั่นคงอีกต่อไป ขณะเดียวกันปัจจุบันยังมีปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธ์อยู่ด้วย จึงทำให้ยอดขายจากวีซีดีเริ่มหดตัวลง ดังนั้นทางบริษัทฯจึงต้องเล็งหาช่องทางในการสร้างรายได้หลักใหม่ทดแทน และจากที่พบว่าบริษัทฯมีไลน์เซ่นของภาพยนตร์การ์ตูนอยู่หลายเรื่อง จึงมองว่าน่าจะต่อยอดในการสร้างรายได้จากการ์ตูนเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งในกลุ่มผู้บริโภคที่มีฐานค่อนข้างใหญ่ ตั้งแต่วัยเด็กเล็ก จนถึงวัยรุ่นและผู้ใหญ่บางส่วน รวมไปถึงกลุ่มเจ้าของสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กด้วยนั้นเอง”
ล่าสุดกับการเริ่มดำเนินธุรกิจรายการโทรทัศน์นั้น ทางบริษัทฯได้คิดค้นนำเสนอช่องทางการทำตลาดสำหรับเจ้าของสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มเด็ก ผ่านโซลูชั่น ภายใต้รูปแบบ “Reaching Kids Through Entertainment” หรือ แผนงานรุกทำธุรกิจมีเดียเข้าถึงเด็กผ่านความบันเทิง ผ่านคอนเทนต์ที่บริษัทฯมีอยู่ ประกอบด้วย รายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก, กิจกรรมโรดโชว์ (ตามโรงเรียน), ลิขสิทธ์การ์ตูนชื่อดัง และการนำภาพยนตร์การ์ตูนเข้าฉายในโรงภาพยนตร์
โดยการทำการตลาดในรูปแบบดังกล่าว ทางบริษัทฯได้นำเสนอบริการนี้ในรูปแบบแพกเกจครบทั้ง 4 คอนเทนต์ที่มีอยู่ ให้กับเจ้าของสินค้าไปแล้วประมาณ 30 บริษัท ทั้งในกลุ่มขนม,นม และอาหารเสริม ที่มีมูลค่าทางการตลาดรวมกันไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท พบว่าลูกค้าให้ความสนใจและตอบรับเป็นอย่างดี โดยส่วนใหญ่อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาและอยู่ในแผนการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าปีนี้น่าจะมีลูกค้าตอบรับกลับมาไม่ต่ำกว่า 20 ราย โดยขณะนี้มีลูกค้าที่ตอบตกลงเลือกใช้การทำตลาดดังกล่าวนี้แล้วประมาณ 4 ราย ได้แก่ ขนมขบเคี้ยว ยี่ห้อ เบนโต๊ะ และคูลลี่คูล
ขณะที่การนำเสนอในรูปแบบแพ๊กเก็จนี้จะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลงอีก 30-40 % จากการที่เลือกใช้คอนเทนต์อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้จากการต่อยอดขายคอนเทนต์ทั้งหมด และการดำเนินธุรกิจรายการโทรทัศน์คาดว่าครึ่งปีหลังจากนี้ กลุ่มธุรกิจดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้บริษัทฯประมาณ 50 ล้านบาท เป็นอย่างน้อย
นายจิรัฐ กล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้กว่า 1,000 ล้านบาท นั้น ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา สามรถทำได้เพียง 350 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ ทั้งที่ในครึ่งปีแรกควรจะมียอดขาย 400 ล้านบาท ทั้งนี้เกิดจากช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ประเทศไทยต้องเจอกับปัญหาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการลอบวางระเบิด, สภาพการเมือง และเศรษฐกิจ ที่ล้วนส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคเกิดการชะลอตัว
ส่วนในเดือนมีนาคม-เมษายนนั้น ถึงแม้ว่ารายได้จะเริ่มกลับมาดีขึ้นก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ถึงเป้าที่วางไว้ ดังนั้นเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ จึงมองว่าค่อนข้างยากที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำตลาด และการสร้างรายได้จากโมเดลธุรกิจใหม่นี้ด้วย
ปัจจุบันบริษัทฯมีรายได้หลักมาจาก 1. การ์ตูน 35-40 % 2. ภาพยนตร์ 30-35% ที่เหลือมาจาก เพลง และ สินค้าที่ผลิตในประเทศ เช่น คาราโอเกะ และภาพยนตร์ไทยบางเรื่องในรูปแบบวีซีดี
|