Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 เมษายน 2550
KMCอ้าแขนรับทุนใหม่ดึงกลุ่มSOPHASTถือ1.5พันล.หุ้นพ่วงหาเงินกู้             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน)

   
search resources

กฤษดามหานคร, บมจ.
Real Estate
ธเนศวร์ สิงคาลวณิช




"กฤษดามหานคร"เตรียมเฮ หลังกลุ่ม "SOPHAST INTERCORP" ทุ่มทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุน 1,500 ล้านหุ้น คาดราคาหุ้นไม่ต่ำกว่า 1 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ผู้ลงทุนต้องจัดหาแหล่งเงินกู้วงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยไม่เกินMLR จัดหานักลงทุนซื้อหุ้นแปลงสภาพอีก 403 ล้านบาท เล็งนำเงินระดมทุนพัฒนาและขยายโครงการคอนโดฯและบ้านเดี่ยว ตั้งเป้าปี 50 โต 100% หรือมีมูลค่าการขายประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท

นายธเนศวร์ สิงคาลวณิช กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน)หรือ KMC เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการบริษัทได้มีมติขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,500 ล้านหุ้น ในราคาไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 1บาท และออกหุ้นกู้แปลงสภาพอีก 403 ล้านบาท ราคาแปลงสภาพ 1.30 บาท อายุ 3 ปี ล่าสุดมีนักลงทุนที่สนใจจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว โดยบริษัทได้ลงนามในสัญญา Agreement for share subscription by private เมื่อวันที่ 20 เม.ย.50 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สัญญาดังกล่าวมีข้อความสำคัญระบุว่า นักลงทุนกลุ่ม SOPHAST INTERCORP ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนที่เป็นบุคคลจำนวน4ราย ได้แก่ นางสาวพรณรัตน์ โรจน์ชูพันธ์ จำนวน 799,999,999 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 53.33% ของหุ้นเพิ่มทุน , นางสาวสมลักษณ์ โสภาเสถียรพงศ์ จำนวน 150 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10% ของหุ้นเพิ่มทุน , นายวิรุฬห์ วงศ์แสงนาค จำนวน540 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 36% ของหุ้นเพิ่มทุน และนายKhamseng Khamkoon จำนวน 10 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.67% ของหุ้นเพิ่มทุน จากจำนวนหุ้นที่จองซื้อทั้งสิ้น1,500 ล้านหุ้น โดยจะซื้อในราคาไม่ต่ำกว่าหุ้นละ1 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา ทั้งนี้ ตามข้อมูลของบริษัท ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2549 บริษัทมีมูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว 4,644.75 ล้านบาท มีส่วนของผู้ถือหุ้น 2,229.81 ล้านบาท

สำหรับเงื่อนไขในการซื้อหุ้นดังกล่าวนั้น ทางบริษัทกฤษดาฯยังได้กำหนดให้ นักลงทุนจะต้องมี Proof of Fund มาให้ทางบริษัทภายใน 30 วัน นับจากวันที่ลงนามในสัญญา เพื่อเป็นการยืนยันแหล่งเงินทุนของผู้ร่วมทุนที่มีอยู่ นอกจากเงินเพิ่มทุนแล้วผู้ลงทุนจะต้องหาหาแหล่งเงินกู้ 1,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ปกติ และมีอัตราดอกเบี้ยไม่เกินกว่า MLR ให้แก่บริษัท และ ในส่วนของหุ้นกู้แปลงสภาพอีก 403 ล้านบาท นั้นผู้ซื้อจะต้องหานักลงทุนมาซื้อให้แก่บริษัทด้วย โดยจะต้องซื้อในอัตราอัตราดอกเบี้ย 1.75 % ต่อปี อายุ 3 ปี อัตราแปลงสภาพที่ 1.30 บาทต่อหุ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบสถานะบริษัท (Due Diligence) ภายในระยะเวลา 15 วัน และจะต้องเสร็จสิ้นก่อน 30 วันก่อนวันขายหุ้น (Closing Date) สำหรับการเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายเป็นการเฉพาะเจาะจง (PRIVATE PLACEMENT) ให้แก่กลุ่ม SOPHAST INTERCORP เสนอขายไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 1 บาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมสถาบันการเงินตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และออกหุ้นกู้แปลงสภาพ จำนวน 403 ล้านบาท และเงินกู้ จำนวน 1,000 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 1,403 ล้านบาท เพื่อที่ลงทุนซื้อทรัพย์สินประกอบการของบริษัทคืนจากเจ้าหนี้สถาบันการเงิน หรือใช้ลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพ และให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดี

"ทรัพย์ที่จะซื้อคืนจากเจ้าหนี้สถาบันการเงิน คงยังไม่ใช่ที่ดินแปลงใหญ่บริเวณสุวรรณภูมิ เนื่องจากเป็นเรื่องระยะยาว ส่วนการลงทุนจะเป็นการพัฒนาโครงการที่คืนกำไรได้ดี เช่น โครงการคอนโดมิเนียมริมน้ำ เป็นต้น "นายธเนศวร์กล่าว

ขณะที่เป้าหมายธุรกิจในปีนี้ ทางบริษัทวางแผนยอดขายไว้ประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 100% จากปีก่อนซึ่งมียอดขาย 1,500-1,600 ล้านบาท เนื่องจากมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายหลายโครงการ ขณะเดียวกันมีการเปิดโครงการเฟสใหม่ต่อเนื่องประมาณ 5-6 เฟส ทั้งในส่วนของแนวราบ และแนวสูง กระจายในทำเลรัชดาภิเษก และพหลโยธิน โดยบริษัทจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยระดับกลางและระดับล่างระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าโอกาสเติบโตมีสูงกว่าที่อยู่อาศัยระดับบนที่มีราคามากกว่า 4 ล้านบาท

" ยอมรับว่าที่อยู่อาศัยระดับกลางและระดับล่างดังกล่าว มีการแข่งขันค่อนข้างสูงในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ปรับกลยุทธ์มาสนใจมากขึ้น แต่บริษัทฯก็ไม่ได้กังวล โดยยึดจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้ง ราคา รวมถึงรายการส่งเสริมการขาย ซึ่งมั่นใจว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า"

ปัจจุบันบริษัทฯมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ประมาณ 1.1 เท่า โดยแม้จะมีแผนลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต แต่ทางบริษัทจะพยายามควบคุมรักษา D/E ไม่เกิน 2 เท่า เพื่อให้การบริหารงานคล่องตัว ขณะเดียวกันมั่นใจว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะขยายตัวมากกว่า 30% เนื่องจากราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะช่วยหนุนให้ผลประกอบการดีขึ้น

ก่อนหน้านี้ ทางบริษัทฯระบุไว้ว่า จะเงินเพิ่มทุนไปพัฒนาและขยายโครงการคอนโดฯเดอะคริส รัชดา ตึก 3 อายุโครงการ 1.5 ปี มูลค่าเงินลงทุน 231.12 ล้านบาท , โครงการคอนโดฯเดอะคริส รัชดา ตึก 4 อายุโครงการ 1.5 ปี มูลค่าเงินลงทุน 283 ล้านบาท ,โครงการคอนโดฯเดอะคริส เอ็กคลูซีพ อายุโครงการ 1.5 ปี เงินลงทุน 60.65 ล้านบาท ,โครงการคอนโดฯเดอะคริส พาร์ม รัชดา เงินลงทุน 125.42 ล้านบาท ,โครงการคอนโดฯเดอะคริส รัชโยธิน มูลค่าเงินลงทุน 164.42 ล้านบาท ,โครงการ 48 โซน A เงินลงทุน 583.08 ล้านบาท และโครงการ 48 โซน C อายุโครงการ 3.5 ปี มูลค่าเงินลงทุน 565.11 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us