Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 เมษายน 2550
ธปท.ส่งซิกบัตรเครดิตลดดบ.ประเมินผลกระทบตลาดก่อนมอบนโยบาย             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
เกริก วณิกกุล
Credit Card




นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2550 ที่ผ่านมา ในการประชุม 3 ครั้งของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตระยะ 1 วัน หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้วทั้งสิ้น 1% ส่วนจะมีผลให้ธปท.มีการทบทวนปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตหรือไม่ในอนาคตนั้นขอดูผลที่เกิดขึ้นกับตลาดธุรกิจบัตรเครดิตก่อนว่าตลาดมีการปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหนบ้าง

“ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 1% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจะส่งผลต่อตลาดธุรกิจบัตรเครดิตอย่างไรขอดูผลที่เกิดขึ้นระยะหนึ่งก่อน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาธปท.เพิ่งจะมีการอนุมัติให้สถาบันการเงินหรือบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน(นอนแบงก์)ปรับมาใช้อัตราดอกเบี้ย 20% จากเดิม 18% จึงขอดูภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตก่อนว่าตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างไรบ้าง”

อย่างไรก็ตาม จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 1% และในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตบางแห่งทั้งสถาบันการเงินและนอนแบงก์อาจจะมีการปรับตัวเองด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตเอง เพื่อพร้อมรับกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็เป็นได้ นอกจากนี้ หากพิจารณาจากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตลดลงเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นด้วย จึงแสดงให้เห็นว่าธุรกิจบัตรเครดิตไม่น่าเป็นห่วงมากนัก

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แจ้งว่า สายนโยบายสถาบันการเงินของธปท.ได้ประกาศยอดคงค้างบัตรเครดิตแยกตามประเภทบัตรเครดิตล่าสุด ณ วันที่ 28 ก.พ.50 พบว่า แม้จำนวนบัตรเครดิตจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตลดลง ขณะเดียวกันปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมก็ลดลงอย่างมาก ทั้งในส่วนของปริมาณการใช้จ่ายในประเทศ ปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศ การเบิกเงินสดล่วงหน้าลดลงทุกประเภท ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ทำให้ประชาชนมีการชะลอการใช้จ่ายและมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

ทั้งนี้ จากยอดคงค้างบัตรเครดิตในเดือนก.พ.นี้ มีปริมาณบัตรเครดิตทั้งสิ้น 11,006,451 บัตร หรือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3,644 บัตร และมียอดคงค้างสินเชื่อทั้งสิ้น 116,740 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อน 2,036 ล้านบาท หรือลดลง 1.21%ของสินเชื่อรวม โดยยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตของสถาบันการเงินทุกประเภทลดลง โดยธนาคารพาณิชย์มียอดคงค้างจำนวน 55,259 ล้านบาท หรือลดลง 1,090 ล้านบาท สาขาธนาคารต่างประเทศ 33,759 ล้านบาท และบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน(นอนแบงก์) จำนวน 77,721 ล้านบาท หรือลดลง 928 ล้านบาท

ส่วนปริมาณการใช้จ่ายโดยรวมแยกตามประเภทสถาบันการเงิน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนลดลงถึง 9,664 ล้านบาท หรือลดลง 13.04% จากปัจจุบันที่มีปริมาณการใช้จ่ายอยู่ที่ 64,432 ล้านบาท แบ่งเป็นปริมาณการใช้จ่ายในส่วนของธนาคารพาณิชย์ในเดือนนี้มีอยู่ 37,851 ล้านบาท หรือเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 6,844 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.31% สาขาธนาคารต่างประเทศ 7,919 ล้านบาท หรือลดลง 722 ล้านบาท คิดเป็น 8.36% และนอนแบงก์ 18,662 ล้านบาท หรือลดลง 2,097 ล้านบาท คิดเป็น 10.10%

ขณะเดียวกันหากแยกตามประเภทของการใช้จ่ายลดลงเช่นกัน โดยปริมาณการใช้จ่ายในประเทศมีปริมาณทั้งสิ้น 45,747 ล้านบาท หรือลดลงจากเดือนก่อน 7,537 ล้านบาท คิดเป็น 14.14% ปริมาณการใช้จ่ายในต่างประเทศ 1,876 ล้านบาท ลดลง 297 ล้านบาท คิดเป็น 13.68% และการเบิกจ่ายเงินสดล่วงหน้าจากปัจจุบันที่มีจำนวน 16,809 ล้านบาท ลดลง 1,830 ล้านบาท คิดเป็น 9.82%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us