Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 เมษายน 2550
ซานมิเกลรุกเครื่องดื่มสปาร์คกิ้งอัด20ล.แทรกตลาดน้ำอัดลม-ผลไม้             
 


   
search resources

Marketing
Alcohol
ซานมิเกล เบียร์ ประเทศไทย, บจก.




ซาน มิเกล เขย่าวงการน้ำสี-น้ำผลไม้มูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านบาท ลั่นฆ้องสร้างเครื่องดื่มแคธิกอรี่ใหม่ "สปาร์คกิ้ง" อัดฉีด 20 ล้านบาท ปั้น "แบร์รี่ จู๊ซซา" น้ำผลไม้ผสมคาร์บอเนต นำร่อง 2 รสชาติ มะนาว-ส้ม ชูจุดขายเพื่อความสดชื่นและห่วงใยสุขภาพ ปีแรกหวังครองใจคนรุ่นใหม่อายุ13-19 ปี ตั้งเป้าดูดแชร์จากน้ำสี-น้ำผลไม้

แหล่งข่าวจากบริษัท ซาน มิเกล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าน้ำผลไม้ 100 % ตราแบร์รี่ และผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มสปาร์คกิ้งตราแบร์รี่ เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า บริษัทฯด้เปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ภายใต้แบรนด์เดียวกับน้ำผลไม้ "แบร์รี่ จู๊ซซา" ลงสู่ตลาด สำหรับเครื่องดื่มตัวใหม่นี้เป็นเครื่องดื่มแคธิกอรี่ใหม่เรียกว่า "สปาร์คกิ้ง" ผสมระหว่างน้ำผลไม้และคาร์บอเนต ใกล้เคียงกับน้ำอัดลม แตกต่างตรงที่น้ำอัดลมผสมคาร์บอเนตในปริมาณที่มาก ในขณะที่สปาร์คกิ้งผสมคาร์บอเนตในปริมาณที่ต่ำกว่า

แผนการตลาดเครื่องดื่มสปาร์คกิ้ง วางโพซิชั่นนิ่งอยู่ระหว่างกลางของเครื่องดื่มน้ำอัดลมกับน้ำผลไม้ ซึ่งบริษัทฯได้วางเป้าหมายเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาดระหว่างน้ำอัดลมสี มูลค่า 6,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ของตลาดน้ำอัดลมโดยรวมมูลค่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการยักษ์อยู่ 2 แบรนด์ ได้แก่ แฟนต้า และมิรินด้า รวมไปถึงเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำผลไม้โดยรวมมูลค่า 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทได้เตรียมทุ่มงบการตลาด 20 ล้านบาท ผ่านการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างครบวงจร เพื่อสร้างการรับรู้ตราสินค้าและกระตุ้นให้เกิดการทดลองดื่ม

สำหรับกลุ่มเป้าหมายเครื่องดื่มสปาร์คกิ้งแบร์รี่ จู๊ซซา วางไว้อายุระหว่าง 13-19 ปีเป็นหลัก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่น แต่ในขณะเดียวกันก็ห่วงใยในเรื่องของสุขภาพ แตกต่างจากน้ำอัดลมที่ผู้ดื่มส่วนใหญ่ต้องการดื่มเพื่อความสดชื่น ในขณะที่กลุ่มน้ำผลไม้ ผู้ดื่มต้องการดื่มเพื่อฟังก์ชันนัลเป็นหลัก ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่หรือเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน

"สปาร์คกิ้ง นับว่าเป็นเครื่องดื่มที่ใหม่สำหรับประเทศไทย แต่ในอนาคตก็อาจจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยเมื่อปี 2548 บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด ได้พัฒนาเครื่องดื่มสปาร์คกิ้งภายใต้แบรนด์"อไลฟ์" น้ำผลไม้ผสมวิตามินซี มี 2 รสชาติ คือ พอมเมโล สแปลช และ ซิตรัส เซิร์ฟ ในขวดพีอีทีใสขนาด 350 มล. ราคาขวดละ 15 บาท แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค หลังจากนั้นบริษัทดังกล่าวหยุดเคลื่อนไหวทางการตลาดกระทั่งปัจจุบัน"

สำหรับแบร์รี่ จู๊ซซา บริษัทฯได้ใช้โรงงาน ที่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดระยองผลิต มีด้วยการ 2 รสชาติเช่นเดียวกับประเทศฟิลิปปินส์ ได้แก่ รสมะนาวและส้ม ซึ่งความโดดเด่นของสินค้า คือ การนำเข้ามะนาวและส้มสายพันธ์ที่มีชื่อจากฟิลิปปินส์มาผลิต โดยรูปแบบบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ท ขนาด 330มล. จำหน่ายในราคา 15 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับเครื่องดื่มน้ำอัดลมมีราคาสูงกว่า 1-2 บาท

ด้านการกระจายสินค้าได้ให้บริษัทพรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเป็นบริษัทเดียวที่จัดจำหน่ายน้ำผลไม้ให้กับบริษัทเป็นดิสทริบิวเตอร์ให้ ขณะนี้ได้เริ่มวางจำหน่ายผ่านช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ตเกือบทุกเชนแล้ว อาทิ เทสโก้ โลตัส คาร์ฟูร์ เป็นต้น ทั้งนี้คาดว่าจะกระจายสินค้าครอบคลุมทุกช่องทางและทั่วประเทศภายใน 4 เดือนนี้ โดยแบ่งสัดส่วนระหว่างกรุงเทพและต่างจังหวัด 50:50 ส่วนร้านค้าสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาอยู่

สำหรับการเปิดตัวแบร์รี่ จู๊ซซา บริษัทคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งได้เปิดตัวเครื่องดื่มดังกล่าวมา 2-3 ปีแล้ว ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจของซานมิเกลในประเทศไทย ในระยะยาววางไว้เป็นโมเดลเดียวกับประเทศฟิลิปปินส์ คือ การทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มมากกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งบริษัทได้วางแผนจะขยายโปรดักส์ไลน์ลงสู่ตลาดอาหารและเครื่องดื่มครบพอร์ตโฟลิโอภายใน 3 ปีนี้ โดยสินค้าของบริษัทมีตั้งแต่ ไอศกรีม เครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ชา กาแฟ นู้ดเดิ้ล ไก่ ฯลฯ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us