|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"แคนนอน" ประกาศขอปลด "โซนี่" ลงจากตำแหน่งผู้นำตลาดกล้องดิจิตอลภายในปีนี้ ขอมาร์เกตแชร์แค่ 25% เชื่อผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภค ผสมราคาที่ดึงดูดปัจจัยหนุนสู่เป้าหมาย พร้อมขนกล้องดิจิตอลตระกูล IXUS และเพาเวอร์ช็อตเจาะทุกกลุ่มใช้งาน นำ "พอลล่า เทเลอร์" เป็นพรีเซนเตอร์สร้างแบรนด์ คาดยอดขายไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้าน
ตลาดกล้องดิจิตอล นับเป็นอีกสมรภูมิหนึ่งที่มีไฟแห่งการแข่งขันรุนแรงไม่แพ้ตลาดอุปกรณ์ดิจิตอลอื่นๆ โดยเฉพาะสงครามการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของผู้ที่อยู่ในอันดับ 2-3 ที่ต้องผลัดกันชื่นชมสลับกันระหว่าง "แคนนอน" ยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น กับ "ซัมซุง" ยักษ์ใหญ่จากเกาหลี แต่เมื่อดูจากความมุ่งมั่นของค่ายแคนนอน จะพบว่า ไม่ได้พอใจที่จะยึดตำแหน่งอันดับ 2 ในตลาดอย่างถาวรเท่านั้น แต่มีเป้าหมายที่ต้องการก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ด้วยซ้ำไป
"ปัจจุบัน แคนนอนมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นเบอร์ 2 ของตลาด โดยมีสัดส่วนทางการตลาดอยู่ที่ 20% แต่สำหรับนโยบายหลักในปีนี้ของแคนนอนได้ตั้งเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ให้ได้ภายในปีนี้" วรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป แผนกคอนซูเมอร์ อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวถึงความมุ่งมั่นของแคนนอนในตลาดกล้องดิจิตอลในปีหมูทองให้ฟัง
ด้วยตัวเลข 20% ส่งผลให้แคนนอนครอบครองตำแหน่งทางการตลาดในตำแหน่งเบอร์ 2 ขยับหนีห่างจากเบอร์ 3 อย่างซัมซุง แต่ด้วยเป้าหมายของวรินทร์ ผู้บริหารของแคนนอนที่จะต้องการขึ้นเป็นเบอร์ 1 ทำให้แคนนอนมีงานหนักเอาการในวันที่จะขยับตำแหน่งของตนเองในครั้งนี้
หากในปีนี้ ทางแคนนอนสามารถมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มอีก 5% หรือ 25% แคนนอนบอกว่า จะกลายเป็นเบอร์ 1 ในตลาด ขณะที่ทางแคนนอนมองว่า ผู้นำตลาดอย่างโซนี่ มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณ 20-23% เท่านั้น ทำให้แคนนอนได้เตรียมเม็ดเงินทางการตลาดสำหรับตลาดกล้องดิจิตอลอย่างเดียวไว้ถึง 100 ล้านบาท เพื่อให้ได้ยอดขายทั้งปีอยู่ที่ตัวเลข 2,000 ล้านบาทหรือมียอดขายกล้องดิจิตอลไม่น้อยกว่า 200,000 เครื่อง ท่ามกลางขนาดตลาดรวมของกล้องดิจิตอลปี 2550 ที่คาดการณ์กันว่า จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10-15% คิดเป็นจำนวนยอดขายตกที่ประมาณ 850,000 เครื่อง ในขณะที่มูลค่าเม็ดเงินเท่าเดิม เนื่องจากตลาดกล้องมีการปรับราคาลงประมาณ 15%
ทำไมทางแคนนอนถึงมั่นใจเช่นนั้น ทั้งที่แคนนอนก็เกาะเกี่ยวอยู่ในตำแหน่ง 2-3 มีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่ห่างจากที่เป็นอยู่มากนัก วรินทร์อธิบายว่า ทางแคนนอนได้ทำการปรับสัดส่วนยอดขายหลักของบริษัทจากเดิมที่มาจากตลาดพรินเตอร์ที่เคยมียอดขายสูงสุดมาเป็นตลาดกล้องดิจิตอลแทน
วรินทร์เล่าให้ฟังถึงแง่มุมการตลาดในปีที่ผ่านมาให้ฟังว่า จากการที่ทางแคนนอนเคยเปิดตัว IXUS ไปเมื่อกลางปีที่แล้วกระแสตอบรับของตลาดดีมาก ความจริง แคนนอนน่าจะเก็บส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากกว่านี้ แต่เนื่องจากทางเราประเมินความต้องการของตลาดผิดพลาด มีดีมานด์ที่สูงมากจนทำให้สินค้าที่นำเข้ามาไม่พอกับความต้องการ ทำให้สินค้าของแคนนอนเกิดการขาดตลาด แต่ปีนี้เรามั่นใจมาก ช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาตัวเลขโตขึ้นกว่า 60% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว หรือมีส่วนแบ่งตลาด 16% เป็นผลมาจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างแรกหลายรุ่นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงได้มีการปรับราคาจำหน่ายลดลงมา 10-15% ตามราคาเฉลี่ยนของตลาด ที่สำคัญสินค้าของแคนนอนเมดอินเจแปนทั้งหมด ดังนั้นปีนี้ แคนนอนมั่นใจว่าจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้
"เราเติบโต 30% ทุกปี แม้ว่าปีนี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ตลาดกล้องดิจิตอลเป็นตลาดที่ยังคงเติบโต เพราะราคาที่ถูกลง 10-20% ทุกปี อีกทั้งผู้ประกอบการระดมเปิดตัวสินค้าอย่างต่อเนื่อง"
วรินทร์ กล่าวเสริมถึงกลยุทธ์ทางด้านผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอลให้ฟังว่า แคนนอนเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นทันสมัยยิ่งขึ้น ผสานกับเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า โดยเฉพาะในส่วนของกล้องถ่ายภาพดิจิตอล ต้องตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างรอบด้าน ตั้งแต่ ดีไซน์ สีสัน ความละเอียด คุณภาพของภาพ ที่ช่วยให้เกิดความสะดวกและความหลากหลายในการใช้งาน
กล้องดิจิตอล IXUS ที่เปิดตัวในครั้งนี้มี 2 รุ่น ได้แก่ IXUS 75 และ IXUS 70 โดดเด่นด้วยดีไซน์บางเฉียบ แต่ยังคงคุณภาพของภาพถ่ายได้อย่างดีเยี่ยม เพราะแคนนอนพัฒนา Linear Lens ทำให้แสงผ่านเลนส์เข้าสู่ตัวสร้างภาพโดยตรง เพื่อให้ได้ความคมชัดของภาพ โดยไม่ใช้การสะท้อนภาพหรือขยับชิ้นเลนส์เพียงเพื่อให้ได้ความบางของตัวกล้อง และอีกขั้นของเทคโนโลยี Advance Multiple Face Detection เพราะนอกจากจะสามารถโฟกัสใบหน้าบุคคลได้พร้อมกันทีเดียวหลายคนแล้ว ยังมีระบบเอฟอีที่ช่วยปรับแสงแฟลชให้เหมาะสมกับค่าแสงบนใบหน้า พร้อมจอแอลซีดีใหญ่ขนาด 3 นิ้วสำหรับรุ่น IXUS 75 และความละเอียดสูงถึง 7.1 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องดิจิตอลในตระกูลเพาเวอร์ช็อตใหม่มีอีก 6 รุ่น ได้แก่ เอ 450 เอ 460 เอ 550 เอ 570ไอเอส เอ 560 และเพาเวอร์ช็อต ทีเอ็กซ์ 1 มีความละเอียดให้เลือกตั้งแต่ 5 ถึง 7.1 ล้านพิกเซล ทุกรุ่นทำงานภายใต้ระบบประมวลผลอัจฉริยะ Digic ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแคนนอน และมีกล้องวิดีโอดิจิตอลอีก 6 รุ่นใหม่ ประกอบไปด้วย ดีซี 51 เป็นกล้องถ่ายวิดีโอดิจิตอลความละเอียดสูงถึง 5 ล้านพิกเซล รวมทั้ง ดีซี 230/220/210 และเอ็มดี 160/120 ซึ่งเป็นกล้องวิดีโอที่ใช้ง่ายและมีฟังก์ชั่นครบครัน พกพาสะดวกที่ซูมได้ 35 เท่าพร้อมดิจิตอลซูมถึง 1000 เท่า
นอกจากนี้ แคนนอนยังได้นำ "พอลล่า เทเลอร์" มาเป็นพรีเซนเตอร์แคมเปญ "My Image My Canon" ด้วยการผลิตภาพยนตร์โฆษณาผ่านผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล IXUS เพื่อนำเสนอผ่านสื่อ อาทิ ทีวี วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อ ณ จุดขาย โดยบริษัทฯ คาดว่าจะช่วยสร้างกระแสการรับรู้ให้กับตัวผลิตภัณฑ์ และกระตุ้นยอดขายในกลุ่มที่เป็นคนรุ่นใหม่
|
|
|
|
|