|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แม้ว่าตลาดน้ำอัดลมในบ้านเรายังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงอยู่ก็ตาม ซึ่งเห็นได้จากอัตราการดื่มของคนไทยเฉลี่ย 120 ขวดต่อคนต่อปี เมื่อเทียบกับประเทศสหรัฐฯ 700 ขวดต่อคนต่อปี ซึ่งก็ส่งผลให้เครื่องดื่มกลุ่มน้ำอัดลม ซึ่งอยู่ภายใต้แบรนด์ "เป๊ปซี่"และมิรินด้า ยังเป็นเรือธงหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท เสริมสุขเหมือนเช่นตลอดช่วงระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา
ทว่าด้วยรูปแบบการดำเนินชีวิต ที่เปลี่ยนไปตาม กระแสสุขภาพและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล จึงมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ส่งผลทำให้นโยบายการตลาดในปี 2550 ของ บริษัท เสริมสุข จะมีการปรับมาให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายทั้ง 4 กลุ่มคือ เครื่องดื่มเพื่อความสดชื่น เพื่อสุขภาพ ให้พลังงาน และสปอร์ตดริงก์ ซึ่งบริษัทมีสินค้าที่ครอบคลุมทั้งหมดที่กล่าวมา โดยวางเป้าหมายผลของการดำเนินการตามนโยบายนี้จะช่วยกระตุ้นตลาดให้เติบโตและผลักดันผลประกอบการของเสริมสุขในปีนี้ให้มีอัตราการเติบโต 5-6% จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 18,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% จากในปี 2548 มีรายได้ 16,034 ล้านบาท และกำไรมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 2% จาก 511 ล้านบาท เพิ่มเป็น 520 ล้านบาท
ขณะที่ส่วนแบ่งคอร์ปอเรตแชร์ ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยการครองส่วนแบ่งเพิ่มจาก 46.1% เป็น 48.7% จากตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตเพียง 4-5% ต่อปี
ฐิติวุฒิ์ บุลสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) บอกว่า ในปีนี้มองว่าผู้บริโภคมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป มีความต้องการที่แตกต่างกัน ส่งผลทำให้บริษัทจะยังคงเน้นการตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคในทุกกลุ่มเป้าหมายด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เห็นได้จากผลการตอบรับของผู้บริโภคที่ส่งผลทำให้ประกอบการของเสริมสุขปีที่ผ่านมานั้น มียอดขายเข้าเป้าในทุกเซกเมนต์
สำหรับยอดขายที่เติบโตขึ้นนั้นแบ่งเป็น เครื่องดื่มกลุ่มน้ำอัดลมมียอดขายเพิ่มขึ้น 5% โดยเฉพาะเป๊ปซี่ แมกซ์ยอดขายเติบโตกว่า 50% ส่วนตลาดเครื่องดื่มไม่อัดลมซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น น้ำดื่มคริสตัล เติบโต 45% ปัจจุบันครองส่วนแบ่ง 16% เป็นอันดับสองรองจากน้ำดื่มสิงห์ ชาพร้อมดื่มลิปตัน น้ำผลไม้ทรอปิคาน่า
ส่วนกลุ่มเครื่องดื่มที่เสริมสุขเป็นผู้จัดจำหน่ายคือ ชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ เครื่องดื่มกระทิงแดง และเกเตอร์เรด มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 33% ทั้งนี้ผลประกอบการที่เติบโตขึ้นในทุกเซกเมนต์ทำให้ยอดรวมของเสริมสุขมีการเติบโต 9.6% โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เสริมสุขมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นคือ
ประการแรก ความแข็งแร็งของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การจัดจำหน่ายของบริษัท เสริมสุข
ประการที่สอง การออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขาย
ประการที่สาม การปรับราคาขึ้นของน้ำอัดลมเมื่อปีที่ผ่านมาในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากได้รับผลพวงจากราคาน้ำมัน และน้ำตาลวัตถุดิบปรับสูงขึ้น
ประการที่สี่ มีการใช้กลยุทธ์สร้างความตื่นเต้นในตลาดด้วยกิจกรรมการตลาดที่แปลกใหม่ เข้าถึงผู้บริโภค
ประการสุดท้าย มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับผลตอบแทนการลงทุนที่ดีได้ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีการใช้กลยุทธ์การสร้างความตื่นเต้นในตลาดด้วยกิจกรรมการตลาดที่แปลกใหม่ เข้าถึงผู้บริโภค การกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับผลตอบแทนการลงทุนที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง
"แม้ว่าปีนี้จะมีปัจจัยลบรุมเร้า แต่ก็ยังมั่นใจว่าตลาดยังคงมีทิศทางที่ดี เพราะน้ำอัดลมเป็นสินค้าที่ต้องกินต้องใช้ ถ้าจะกระทบน่าจะเป็นสินค้าราคาแพงมากกว่า ทำให้บริษัทไม่ค่อยวิตกในเรื่องดังกล่าวมากนัก โดยวิสัยทัศน์ของเสริมสุข มุ่งมั่นในการเป็นผู้นำผู้ผลิต และจัดจำหน่าย เครื่องดื่มที่สร้างความสดชื่นครบวงจรชั้นนำของไทย ซึ่งภายใน 1-2 ปีนี้ยังไม่มีแผนจะนำแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาด เนื่องจากต้องการโฟกัสทั้ง 10 แบรนด์เป็นหลักก่อน"ฐิติวุฒิ์ กล่าว
ส่วนงบลงทุนในปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบ 850 ล้านบาท แบ่งเป็นการขยายกำลังการผลิต 275 ล้านบาท เพิ่มคลังสินค้า 180 ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยรถขาย 175 ล้านบาท ระบบไอที 50 ล้านบาท และอื่นๆ 170 ล้านบาท เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของตลาด และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทต่อไป
นอกจากนั้น ยังเน้นการพัฒนาศักยภาพขององค์กรเพื่อประสิทธิผลในกระบวนการจัดการทั้งระบบ รวมทั้งพัฒนาศักยภาพพนักงานเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในขณะที่ตลาดมีการแข่งขันสูง การสร้างทีมที่แข็งแกร่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่พร้อมจะผลักดันองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน มีการสื่อสารที่ดีภายในองค์กร และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างสอดคล้องกัน ตลอดจนการสร้างแบรนด์ให้เป็นทางเลือกอันดับแรกของผู้บริโภคด้วยการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่สร้างสีสันได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามแม้งบลงทุนจะมีเม็ดเงินใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่ในปีนี้วางแผนใช้งบประมาณ ภายใต้โจทย์หลักๆทางการตลาดคือ การทำแบรนด์ให้เข้าไปนั่งอยู่ในใจผู้บริโภคตามไลฟ์สไตล์ต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ
1.กลุ่มเครื่องดื่มให้ความสดชื่น อาทิ เป๊ปซี่ มิรินด้า เซเว่นอัพ 2.กลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น คริสตัล เป๊ปซี่แมกซ์ ลิปตัน ทรอปิคาน่า ทวิสเตอร์ 3.กลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งบริษัทรับจัดจำหน่ายให้กับคาราบาวแดง 4.กลุ่มเครื่องดื่มเกลือแร่ เกเตอร์เรด
|
|
|
|
|