เครือเบทาโกร ปรับแผนธุรกิจปีหมูทอง ดึงเทคนิค ทีพีเอ็ม มาใช้วางรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว เตรียมเปิดโรงงานอีกสองแห่ง มูลค่ากว่า 2,500 ล้าน รองรับแผนขยายงานในทุกสายธุรกิจ ตั้งเป้าโตอีก 15% สู่ยอดขาย 34,500 ล้านบาทในปีนี้
นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร เปิดเผยว่า จากภาวะการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและทั่วโลกและสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาเอื้ออำนวยต่อการเติบโตมากนัก เครือเบทาโกรต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแนวทางการบริหารและการทำงานให้มีระบบและมีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาเราได้นำเทคนิควิธีการใหม่ๆมาใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาองค์กรอยู่เสมอ เช่น โครงการปรับปรุงกระบวนการและประสิทธิภาพ หรือ ไคเซ็น (Kaizen)
สำหรับปี 2550 เครือเบทาโกรได้นำเครื่องมือการบริหารที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่สูงกว่า ได้แก่ TPm (Total Productivity management) ซึ่งเป็นระบบงานที่สามารถเชื่อมโยงกับแผนงานและความพยายามในการปรับปรุงงานทุกอย่างของทุกคน และรวมทุกหน่วยงานของบริษัทในเครือเบทาโกรเข้าเป็นภาพเดียวกัน อีกทั้งสามารถสื่อภาพรวมของแผนงานทั้งหมดให้เห็นในลักษณะโครงสร้างการกระจายเป้าหมาย (target deployment structure) โดยการปรับระบบการทำงานในปีนี้ ได้ตั้งเป้าโตอีก 15% จาก 30,000 ล้านบาทในปีที่แล้วเป็น 34,500 ล้านบาทภายในสิ้นปี
ทั้งนี้ TPm ได้ถูกนำมาใช้ในโครงการนำร่องที่โรงงานแปรรูปและผลิตเนื้อไก่สด เนื้อไก่แช่แข็ง และโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุกจากเนื้อไก่ของบริษัท BFI ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเมื่อปีกลาย ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่งทั้งทางด้านการสร้างเป้าหมายรวมและเป้าหมายกระจาย โครงสร้างการกระจายเป้าหมายจากระดับสายธุรกิจลงสู่หน่วยงานและการผลิต ที่แสดงความเชื่อมโยงของแผนการปรับปรุงต่างๆ กับเป้าหมายทางการเงิน ในปีนี้เครือเบทาโกรเริ่มนำ TPm มาประยุกต์ใช้กับบริษัทอื่นๆในเครืออย่างจริงจัง โดยเน้นความเหมาะสมกับทางด้านทรัพยากร บุคลากร และโครงสร้างองค์กร และความจำเป็นตามสถานการณ์ธุรกิจปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน เครือเบทาโกรศึกษาหาแนวทางการบริหารต้นทุนอย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะการผลิตอาหารสัตว์ และการวิจัยและพัฒนาวัตถุดิบทดแทน การเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้า (Portfolio) ให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
ในส่วนของแผนการลงทุนในสายธุรกิจต่าง ๆ เบทาโกรมีนโยบายที่จะสร้างโรงงานอาหารสัตว์ในสายธุรกิจภูมิภาคและธุรกิจอาหารสัตว์อีก 1 แห่ง ที่จังหวัดนครราชสีมา ด้วยกำลังการผลิต 30,000 ตันต่อปี ด้วยงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2551 และโรงงานไก่ปรุงสุกที่จังหวัดลพบุรี ด้วยกำลังการผลิต 30,000 ตันต่อปี ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท และจะขยายโรงงานแปรรูปและตัดแต่งเนื้อสุกรจาก 1,200 ตัวต่อวัน เป็น 2,000 ตัวต่อวัน เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจส่งออกหมูปรุงสุก โดยคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ นอกจากสายธุรกิจหลักทั้ง 5 กลุ่มแล้ว เครือเบทาโกรยังให้ความสำคัญกับธุรกิจร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ภัตตาคาร Ootoya ซึ่งได้ดำเนินการมาประมาณ 2 ปีแล้ว และได้รับการต้อนรับในระดับที่น่าพอใจ Ootoya จะเป็นช่องทางหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถและศักยภาพของเบทาโกร ในฐานะผู้ป้อนวัตถุดิบคุณภาพที่ผู้บริโภคมั่นใจได้
นอกจากนี้ ในส่วนของสายธุรกิจอื่นๆ เบทาโกรได้ทำการปรับปรุงพื้นที่ในส่วนโรงแรมและศูนย์อบรมสัมมนา ที่ป่าสัก ฮิลล์ไซด์ รีสอร์ท เพื่อขยายบริการไปสู่ลูกค้าภายนอก และรองรับการอบรมสัมมนาพนักงานในเครือ อีกทั้งกำลังเร่งสร้างห้องปฏิบัติการมาตรฐาน ISO 17025 ที่จังหวัดลพบุรี ด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อให้บริการทั้งภายในองค์กรและบุคคลภายนอก โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้
|