|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไทยออยล์ ยอมรับรายได้ปี 50 นี้ลดลงจากปีก่อน เหตุต้องปิดซ่อมโรงกลั่น 2 เดือน ทำให้กำลังการกลั่นลดลงกว่า 1 แสนบาร์เรลต่อวัน พร้อมทุ่มงบลงทุน 1.4 หมื่นล้านบาท ขยายกำลังการผลิต เพื่อหนุนรายได้ปี 51 โตอย่างก้าวกระโดด ขณะที่ผู้ถือหุ้นไฟเขียวกู้เงินกว่า 1.7 หมื่นล้าน รองรับขยายงานในอนาคต
นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP กล่าวว่า ในปี 2550 นี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.79 แสนล้านบาท เนื่องจากบริษัทต้องปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและโรงงานปิโตรเคมี ประมาณ 2 เดือน ในช่วงตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2550 ทำให้กำลังการกลั่นลดลงประมาณ 1 แสนบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกบริษัทคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนที่ค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 7.69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แม้ว่าค่าการกลั่นเฉลี่ยทั้งปี 50 นี้ประเมินว่าจะอยู่ในช่วง 4-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับงบลงทุนในปี 50 บริษัทคาดว่าจะใช้เงินราว 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 14,000 ล้านบาท (คำนวณอัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐต่อ 35 บาท) เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันอีก 5 หมื่นบาร์เรล/วัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/50 รวมทั้งจะขยายกำลังการผลิตปิโตรเคมี เพิ่มเป็น 9 แสนตัน/ปี ซึ่งจะส่งผลให้รายได้และกำไรสุทธิในปี 51 เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ส่วนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 วานนี้ (10 เม.ย.) ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติวงเงินกู้จำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 17,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขออนุมัติล่วงหน้าสำหรับรองรับโครงการในอนาคต โดยบริษัทยังไม่มีกำหนดการออกหุ้นกู้ในปีนี้ แต่ทั้งนี้จะต้องขึ้นอยู่กับแนวโน้มดอกเบี้ยด้วย รวมถึงเปรียบเทียบกันต้นทุนเงินกู้ในปัจจุบัน หากพบว่าต้นทุนต่ำกว่าบริษัทอาจตัดสินใจออกหุ้นกู้ เพื่อนำมาชำระเงินกู้ที่ภาระดอกเบี้ยสูงกว่า
สำหรับการเข้าประมูลโรงไฟฟ้า IPP นั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเข้าประมูลโรงไฟฟ้าขนาด 700 เมกะวัตต์ ซึ่งจะใช้เงินลงทุน 350 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทมีความได้เปรียบ เพราะมีพื้นที่ในการจัดตั้งโรงไฟฟ้าและมีท่อส่งก๊าซเป็นของตัวเอง ส่วนการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้า SPP หรือไม่นั้น บริษัทจะขอดูรายละเอียดของภาครัฐก่อน จึงจะตัดสินใจ
"การลงทุนโรงไฟฟ้าจะทำให้บริษัทมีการกระจายรายได้ และมีรายได้ที่แน่นอนจากสัญญาร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) 25 ปี ทำให้ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าการกลั่นและหากธุรกิจการกลั่นอยู่ในช่วงขาลง รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าจะเข้ามาช่วยทดแทน"
|
|
|
|
|