|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหุ้นสุดเงียบเมินข่าวระเบิดกลางกรุง นักลงทุนลุ้นข่าวกนง.ประชุมปรับลดดอกเบี้ยวันนี้ เตรียมหยุดเทรดรับหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ นักวิเคราะห์ชี้ระเบิดกลางกลางกรุงกระทบหุ้นไม่มาก เชื่อหลังสงกรานต์หุ้นซึมยาว เผยหุ้นแบงก์อ่วมผลประกอบการไตรมาส1/50 ทรุดแน่ บล.กสิกรไทย ห่วงดัชนีรูดหลุด 600 จุด ลุ้นปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (10 เม.ย.) ตลอดทั้งวันดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพราะไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศหลังเกิดเหตุระเบิดเมื่อคืนวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้นักลงทุนบางกลุ่มรอผลการประชุมพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะประชุมในวันนี้ซึ่งก่อนหน้านี้หลายฝ่ายมีการคาดการณ์ว่าการปรับลดดอกเบี้ยในรอบนี้น่าจะอยู่ที่ 0.50% โดยดัชนีปิดที่ 689.48 จุด เพิ่มขึ้น 0.14% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 690.30 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 687.43 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6,478.05 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 206.13 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 5.29 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 200.84 ล้านบาท
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า สาเหตุที่วานนี้นักลงทุนไม่มีความตื่นตะหนกจากเหตุการณ์ระเบิดมากนัก เนื่องมาจากในปัจจุบันลงทุนส่วนใหญ่ที่ซื้อขายเป็นกลุ่มนักลงทุนเก็งกำไรสามารถรับความเสี่ยงได้สูง นิยมเก็งกำไรระยะสั้นมากกว่า ทำให้ข่าวจากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบมากนัก
ส่วนเรื่องการประชุมของกนง.ในวันนี้คาดว่าแม้ว่าจะมีการปรับลดก็ไม่น่าจะส่งผลทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มาก เพราะมีปัจจัยลบที่เข้ามากระทบกับกลุ่มดังกล่าวหลายประการ ทั้งจากขึ้นเครื่องหมาย XD หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB และ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ในสัปดาห์นี้ ประกอบนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนเพื่อรอการแถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ของกลุ่มธนาคารในสัปดาห์หน้า
นายพงศ์พันธุ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโสวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในวันนี้หากกนง.มีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอีกประมาณ 0.25-0.50 % น่าจะทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีการปรับตัวขึ้นได้บ้าง เพราะนักลงทุนมีการซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารเก็งข่าวการปรับลดดอกเบี้ยมาระยะหนึ่งแล้ว โดยในช่วงนี้มีแนวโน้มว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์อาจเพิ่มขึ้นถึงระดับ 700 จุดได้ แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญที่สุดในเรื่องการเมืองที่ต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้
ขณะที่ภาวะดัชนีในสัปดาห์นี้นั้นน่าจะทรงตัวต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ มูลค่าการซื้อขายไม่มากเพราะเป็นช่วงหยุดเทศกาลสงกรานต์ แต่หลังจากนี้ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่ดีขึ้น การลงทุนน่าจะซบเซาลงต่อเนื่อง ดัชนีเคลื่อนไหวในวงแคบและไม่สามารถขึ้นลงได้มากนัก โดยแนะนำให้ลงทุนเฉพาะหุ้นที่มีพื้นฐานดี
โบรกฯคาดปรับฐาน650จุด
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่าภาวะตลาดหุ้นวานนี้แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากใกล้ช่วงวันหยุดยาวติดต่อกันในวันเทศกาลวันสงกรานต์ ประกอบส่วนหนึ่งนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆในลักษณะเดียวกันกับช่วงปลายปีที่ผ่านมาที่มีการลอบวางระเบิดในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าการเมืองเริ่มมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่ายังคงไม่ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 600 จุด แต่ดัชนีจะปรับฐานอยู่ที่ระดับ 650 จุด เนื่องจากนักลงทุนเริ่มตอบรับกับปัจจัยต่างๆมาพอสมควรแล้ว เพียงแต่ปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาสนับสนุนการลงทุนเท่านั้น
นางสาวอรุณรัตน์ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี กล่าวว่า เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาช่วงท้ายตลาดในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพื่อเก็งกำไรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยกนง.ซึ่งคาดว่าจะปรับลดลง 0.50% สำหรับสาเหตุที่มูลค่าการซื้อขายเบางบาง เนื่องจากนักลงทุนเริ่มปรับพอร์ตการลงทุน
สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในวันนี้คาดว่าดัชนีจะรีบาวน์ขึ้นได้ในระยะสั้นๆ เนื่องจากอาจจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และอสังหาริมทรัพย์ ภายหลังจากการปรับลดอัตีชราดอกเบี้ย โดยประเมินแนวรับที่ 688 จุด และแนวต้านที่ 690 จุด
เชื่อ MAJOR กระทบแค่ระยะสั้น
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์บล.ซิกโก้ กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานที่ผ่านมา ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เท่าไรนัก คงมีแต่ผลกระทบทางจิตวิทยาระยะสั้นเท่านั้น เพราะในขณะนี้นักลงทุนเริ่มชินชากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงไม่ตื่นตะหนกถอนหุ้นออกไปเท่ากับตอนที่เกิดเหตุระเบิดในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา
ส่วนปัจจัยพื้นฐานของบริษัท MAJOR ยังมีพื้นฐานที่ดีมาก ทำให้ในปีนี้รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทน่าจะเพิ่มตัวขึ้นในระดับที่สูงเพราะปีนี้รายได้หลักจากการฉายภาพยนตร์ เพราะมีภาพยนตร์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนเข้าฉายตลอดทั้งปี ทำให้โดยรวมแล้วผลประกอบการของปี 2550 น่าจะปรับตัวขึ้นได้ โดยราคาเหมาะสมอยู่ที่ 18.50 บาท
|
|
 |
|
|